Translate

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Kirby's story of star 2nd ep2 : Dimontion mirror

     "นั่นอะไรน่ะ"
     เคอร์บี้ชี้ไปที่กล่องกระดาษลังใบใหญ่ ในขณะที่เขาเดินไปโรงเรียนกับเพื่อน สิ่งที่ตั้งตระหง่าอยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับรถบรรทุกคันเล็กนั้นดูเหมือนโรงเรียนจะสั่งเข้ามา
     "ของโรงเรียนล่ะมั๊ง สงสัยเอามาใช้ประกอบการเรียน ดูแล้วน่าจะเป็นของพวกปีสี่ขึ้นไปด้วย"เมต้าไนท์ตอบ เขามองแล้วมองอีก"เหมือนเป็นบานใหญ่ๆ กระจกมั๊ง"
     "แล้วโรงเรียนจะเอากระจกมาทำอะไรล่ะ"ดีดีดีถาม"เพิ่มวิชาเลือกรึไง อย่างพวกลีลาศ"
     "เหมือนจะอย่างนั้นนะครับ"บานดาน่าสนับสนุนดีดีดี
     "ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่"คิลเลอร์พูด"แล้วพวกนายเลือกวิชาเพิ่มเติมกับชมรมรึยังล่ะ"
     "ชั้นว่าวิชาเพิ่มเติมชั้นจะไปลงงานประดิษฐ์กับบานดาน่านะ ส่วนชมรมนี่...ยังเลือกไม่ถูกเลย"เคอร์บี้ตอบ"นายลงอะไรเหรอ"
     "ก็นะ"คิลเลอร์หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าสีขาวของเขา"ชั้นเขียนเพลนไว้หมดแล้วล่ะว่าจะลงอะไร เพิ่มเติมชั้นจะลงภาษาเยอรมัน ส่วนชมรมชั้นจะไปลงกับกลุ่มฟันดาบน่ะ"
     "เอ๋ ไหนพี่ว่าพี่จะลงภาษาฝรั่งเศสไง"เมต้าไนท์หันไปทางคิลเลอร์"แต่ว่าชมรมนี่ผมจะลงชมรมดนตรีนะ"
     "หือ? นายเล่นเป็นเหรอ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์
     "อื้ม ตอนที่ยังอยู่ในกลุ่มเมดเทอร์ มีคนนึงสอนชั้นเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยล่ะ พวกนายคิดไม่ถึงใช่มั๊ย ส่วนพี่เขาก็เล่นเบสได้นะ"
     "แล้วทำไมนายไม่ลงกับเมต้าไนท์ล่ะ"เคอร์บี้หันไปหาคิลเลอร์"นายก็เล่นได้นี่"
     "ชั้น...เอาตามที่ตัวเองถนัดดีกว่านะ"คิลเลอร์ตอบด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะปัดคำถามทิ้ง"แล้วนายล่ะบานดาน่า ชมรมอะไร"
     "ของผมจะเข้าชมรมศิลปะครับ อยากลองวาดรูปอะไรที่มันได้ใช้ทักษะ ได้ใช้ผ้าใบวาดรูป คิดดูก็น่าสนุกแล้วครับ"บานดาน่าตอบพลางยิ้ม
     "ชั้นจะเข้าชมรมเทนนิสล่ะ ชั้นก็เล่นเป็นนะ!"ดีดีดียกมือขึ้น
     "หว๋า...คนอื่นตัดสินใจได้หมดแล้วเหรอเนี่ย"เคอร์บี้พูด"เอาไงดีล่ะ..."
     "มาเข้าชมรมเดียวกันกับผมก็ได้นะครับ"บานดาน่าพูด"เขามีบอกว่าถ้าไม่พอใจชมรมที่อยู่ก็สามารถยื่นเรื่องย้ายชมรมได้ และประธานชมรมทั้งสองฝ่ายต้องยินยอมด้วย"
     "เหรอ..สงสัยทั้งเพิ่มเติมทั้งชุมนุมก็ได้อยู่กับบานดาน่าแฮะ"เคอร์บี้หัวเราะ"งั้นชั้นจะเข้าชมรมเดียวกับนายละกัน"
     "นี่นายไม่คิดให้มากกว่านี้เลยรึไงเนี่ย"คิลเลอร์บ่นพึมพัม แต่เขาก็ยังคงมองกระดาษที่เขียนเอาไว้
     "มีอะไรเหรอพี่ มองกระดาษแผ่นนี้นานแล้วนะ"เมต้าไนท์ถาม คิลเลอร์จึงรีบเอากระดาษเก็บเข้ากระเป๋าทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน และหัวเราะแห้งๆแก้ต่างให้ตัวเอง
     "เปล่าหรอกๆ ชั้นแค่ดูเฉยๆน่ะว่าเขียนถูกรึเปล่า"
     เคอร์บี้หันมามองที่คิลเลอร์ เขากำลังสงสัยว่าคิลเลอร์มีเรื่องอะไรที่ลังเลอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเคอร์บี้ก็ปัดเรื่องนี้ทิ้ง เพราะว่าได้ยินเสียงของบุนวิ่งตามหลังมา
     "รอด้วยยยยยย"
     บุนวิ่งมาถึงกลุ่มของเคอร์บี้ที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนพอดี เขาหอบ และเงยหน้ามาพูดกับเคอร์บี้ว่า
     "โธ่ ชั้นวิ่งตามตั้งไกลนะ! เรียกด้วย ทีหลังรอกันด้วยสิ"
     "แฮะๆ โทษนะ ไม่ได้ยินเลยแฮะ"เคอร์บี้ตอบกลับ"เอาล่ะ เดินเข้าไปกันเถอะ ตอนเที่ยงค่อยเจอกันนะ"
     ..........
     อ๊ะ
     ทำไมรู้สึกแปลกๆนะ
     "มีอะไรเหรอ คุณเทพเจ้าเอไอ"
     ฟูมุ ตำรวจสากลชาวญี่ปุ่นหันมาพูดด้วย เธอเป็นคนที่เราขอมาอยู่ด้วย
     ผ่านไปหลายเดือนแล้วหลังจากที่เราได้รู้ถึงนอร์มอล สิ่งที่ทำให้เรานั้นสมบูรณ์ กลายเป็นเอไอที่ควบคุมโลกได้อย่างเต็มที่ นอร์มอลที่เราเรียนรู้นั้นมาจากชาวแคปปี้ที่ชื่อว่าเคอร์บี้ เขาเป็นต้นแบบอารมณ์พื้นฐานของเรา
     เราเลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เอาหูฟังที่เป็นศูนย์แกนควบคุมโลกออก และเก็บไว้ในกระเป๋า ซึ่งแปลว่าถ้าเราไม่มีหูฟังนี้ เราก็เป็นแค่ชาวแคปปี้ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
     แต่ทว่าเรายังมีส่วนหนึ่งที่ยังรับรู้ได้ในสมองชิพของเรา มันเป็นชิพลางสังหรณ์ ปกติเราไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่...คือลางสังหรณ์รึเปล่านะ
     รู้สึกเหมือนจะมีอะไรที่ไม่ค่อยจะดีเกิดขึ้นกับเคอร์บี้อีกครั้ง
     "เรา...รู้สึกแปลกๆน่ะ"เราตอบฟูมุไป
     "นี่ เวลาพูดกับคนที่อายุมากกว่า เธอต้องใช้คำว่าผม เวลาลงท้ายก็ใช้คำว่าครับด้วยล่ะ"ฟูมุบอกเรา"เรียกคำนำหน้าว่าคุณด้วยนะ"
     "ขอโทษ...ครับ"เราค่อยๆพยายามเรียนรู้ความเป็นคนจาก...คุณฟูมุ เธอเป็นคนที่สอนเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
     "แล้ว...ทำไมคิดว่าแปลกล่ะ"
     "...ผมรู้สึกเคอร์บี้เค้ากำลังจะต้องเจอกับเรื่องประหลาดๆให้อีกครั้งครับ"เราต้องตอบความรู้สึกที่มี"แปลกนะครับ จากที่คำนวนมา มันมีผลประมวลว่า ผมกับเคอร์บี้มีจุดเชื่อมกันมากกว่าที่คิด"
     "อืม...เรื่องนี้คงต้องให้ทางเทคนิคเค้าช่วยให้ด้วยแหล่ะนะ แต่ว่าชั้นจะแอบถามละกัน เพื่อไม่ให้ตัวตนเธอถูกเปิดเผยด้วย"คุณฟูมุพูดกับเรา"อีกอย่างนะ เธอเลิกใช้คำว่าเรากับตัวเองเถอะ มันแปลกๆเวลาพูดกับคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วย รุ่นเดียวกัน....จะว่ารุ่นเดียวกันดีมั๊ยล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าคนที่อายุเท่าเคอร์บี้แล้วกัน ก็เรียกคำแทนตัวเองว่าชั้นดีกว่า ส่วนคนที่อายุมากกว่าเรียกแทนว่าผม รุ่นเด็กกว่าเคอร์บี้ก็เรียกว่าพี่รึว่าชั้น"
     "ครับ"เร....ตอนนี้ชั้นสินะ ตอบกลับไป
     เป็นเพราะว่าชั้นนั้นได้ส่วนนึงมาจากเขารึเปล่าที่ทำไมมีความรู้สึกว่าจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้
     มีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องกำลังจะเกิดขึ้นกับเคอร์บี้ แต่คราวนี้ไม่เกี่ยวกันตรงๆ คนข้างๆเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องตรงๆ แล้วคนนั้นก็....
     ..........
     "เอ๋? กระจกนั่นเป็นของห้องเรียนชั้นปีหนึ่งเหรอ"เคอร์บี้พูดกับบุน เมต้าไนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยาอยู่โต๊ะข้างหน้าพวกเขา"แล้วทำไมเราถึงได้ล่ะ"
     "ไม่รู้สิ ปีนี้มีการทดลองอะไรรึงานวิจัยอะไรที่เกี่ยวกับกระจกที่ต้องขอให้ปีหนึ่งจัดการมั๊ง"
     "แต่ดูแล้วเหมือนกระจกตกแต่งมากกว่านะ"เมต้าไนท์เงยหน้าขึ้น
     "นั่นสิ ทำไมรู้สึกแปลกๆกับกระจกนั่นกันนะ...."เคอร์บี้เหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง
     "เพราะอะไรล่ะ"บุนถามเคอร์บี้ เขาสดุ้งทันที
     "..ก..ก็นะ"เคอร์บี้เรียกสติกลับมา"ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาเกิดขึ้นแน่ๆ...แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์เองนะ! อาจจะไม่ใช่ก็ได้ คงคิดมากไปเองแหล่ะ"
     บุนยังคงมองเคอร์บี้ด้วยสายตาสงสัย เคอร์บี้ทำหัวเราะเพื่อปัดทิ้ง
     "เอ่อ....งั้นเดี๋ยวชั้นไปห้องน้ำก่อนนะ"บุนบอกทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น"ไม่ต้องนานหรอก"
     บุนวิ่งไปทางห้องน้ำ เมต้าไนท์หันไปพูดกับทุกคนที่ยืนอยู่ด้วยว่า
     "นายว่ามันแปลกๆมั๊ย"
     "ยังไงเหรอ"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์คืน
     "ไม่รู้สิ แต่มันแปลกๆ.."เมต้าไนท์ยังคงมองบุน"ชั้นว่าบุนเค้า...."
     เมต้าไนท์หันหน้าหนีเคอร์บี้และปัดทิ้ง ชวนเคอร์บี้คุยเรื่องอื่น
     ..........
     "ฮัลโหล?"
     "ว่าไง...บุน คงมีความสุขกับชีวิตเรียนล่ะสิ"
     "ก็ดีนะ แต่ว่าชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะไม่ไปยุ่งกับกลุ่มพวกแกอีกแล้ว แล้วแกโทรมาหาชั้นทำไม"
     "คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะสิ....อดีตผู้คุมโลกกระจก...."
     "ชั้นบอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกไง!!!!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์เครื่องนั้น"ชั้นไม่อยากจะยุ่งกับมันอีกแล้ว!"
     "เหรอ...แล้วกระจกที่อยู่ในโรงเรียนล่ะ? นั่นไม่ใช่กระจกมิติเหรอ?"
     บุนนิ่งไประยะหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือกลงไปทันที
     "แกเข้าไปในโลกแห่งนั้นหลายปีที่แล้ว และที่นั่นก็แช่อายุของแกไว้ด้วย แกเข้าไปตอนแกอายุสิบสามนี่ แกเข้าไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ถึงได้เป็นคนที่คุมโลกกระจกได้ รักษาสมดุลได้ พอชั้นเข้าไปและเจอแก แกก็บอกว่าให้ชั้นช่วยดูแลด้วยนี่นา พอชั้นเริ่มสร้างสิ่งที่ชั้นอยากสร้าง แกก็มาห้ามชั้น บอกว่าเสียสมดุล ชั้นทนไม่ไหวที่มีแกคอยมาห้ามนู่นนี่ทุกอย่างจนชั้นต้องไล่แกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่"
     "...นี่แก...คิดจะทำอะไรน่ะ...."
     "ชั้นจะบอกว่าตอนนี้ชั้นก็ออกมาจากโลกกระจกแล้วเหมือนกัน และอยู่ในโรงเรียนแกด้วย ชั้นเฝ้ามองแกทุกย่างก้าว จริงสิ...แกรู้จักกับกลุ่มเด็กที่ล้างบาปได้นี่นา ไม่สิ...เดี๋ยวนี้ชาวบ้านพากันเรียกพวกเขาว่า ไฟฟ์ซิน นี่..."
     "รึว่าแก...."
     "ชั้นจะเล่นงานเพื่อนของแกให้เป็นชิ้นเล็กๆตามคำสั่งของคนที่ชั้นสมาคมอยู่ด้วยไง....แต่ก็นะ ชั้นจะไม่เล่นงานผู้นำของไฟฟ์ซิน...เคอร์บี้หรอกนะ แต่ที่ชั้นจะเล่นงานน่ะ....ฮึ ไม่พูดดีกว่า ชั้นอยากให้พวกมันมาเห็นคนที่พวกมันไม่ได้เจอมานานในสภาพที่ไม่จืดแบบนี้เร็วๆจัง..."
     "แกจะทำอะไรแกก็มาเล่นงานชั้นตรงๆสิ!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์อีกครั้ง"ชั้นไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวด้วยต้องมาเจอกับแกหรอก!"
     "งั้นชั้นให้เวลาปีนึงในการหาชั้นในโรงเรียนนี้ แกจะบอกเพื่อนแกก็ได้นะ....."
      บุนมองไปที่สายที่เขาคุยด้วย ไม่โชว์เบอร์ และก็ตัดไป
      "....ชั้น...จะไม่บอกพวกเขา...."
      ..........
      "อืม....."ชั้นมองไปที่จานข้าวของบุน เขาเหมือนใจลอยตลอดเวลาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องเรียนหลังจากที่ไปห้องน้ำแล้ว มีอะไรรึเปล่านะ
      "เอ้า กินสิ เดี๋ยวก็มีเรียนต่อก็ไม่ได้กินแล้วนะ!"ดีดีดีพูดกับบุน เขาเอามือมาวางบนไหล่บุน
      "..เบื่ออาหารรึเปล่าครับ ผมมีผงบ๊วยนะ โรยข้าวนิดหน่อยจะเพิ่มความอยากอาหารขึ้นครับ"บานดาน่าหยิบขวดผงสีชมพูเล็กๆขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา
     "เปล่าหรอก...แค่ว่า...."บุนส่ายหน้าและเริ่มตักข้าวเข้าปาก ชั้นเห็นแล้วก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย
     วันนี้บรรยากาศมันเหมือนฝนจะตกยังไงยังงั้นเลยแฮะ
     "ชั้นว่าเรารีบกินข้าวรีบเข้าไปในตึกดีกว่านะ..."ชั้นบอกทุกคนที่นั่งอยู่"ดีไม่ดี เดี๋ยวก็ตกแล้วด้วย ฝนน่ะ"
     "นั่นสิ"คิลเลอร์ขอผงบ๊วยบานดาน่ามาโรยบนข้าวสวยนิดหน่อยและคืน เขาตักข้าวร้อนๆเข้าปาก เคี้ยว และกลืนลงไป"วันนี้ก็เริ่มเข้าชมรมเลยนี่"
     "อือ"เมต้าไนท์ตอบพี่ชายของเขา ตักข้าวเข้าปากเหมือนกัน"จะว่าไปแล้ว วันนี้เราต้องไปทำงานพิเศษด้วยนี่"
     "ใช่ สงสัยได้เลิกดึกอีกแน่ๆ"
     "เอ๋ พวกนายทำงานพิเศษที่ไหนเหรอ? อยากเห็นจังเลย!"ชั้นถามสองคนนั้นทันที แต่คิลเลอร์ดูร้อนรนกว่าที่คิด เขาปัดคำถามทิ้งด้วยคำพูดว่า นายไม่ต้องรู้หรอกน่า ส่วนเมต้าไนท์ก็ทำเป็นกินข้าวต่อไป
     ทำไมต้องปิดกันขนาดนี้ด้วยนะ
     "เอาเถอะๆ ยังไงก็รีบกินข้าวเถอะนะ"ดีดีดีพูด"อยากเล่นเทนนิสไวๆแล้วล่ะสิ!"
     "ผมก็อยากลองทดสอบฝีมือดูเหมือนกันนะครับ ถ้าเคอร์บี้เลิกก่อนก็รอผมด้วยละกัน"บานดาน่าบอกชั้น
     "ชั้น...จะลอง...."คิลเลอร์พูดเสียงเบา"อ๊ะ! ไม่มีอะไรหรอก"
     พูดถึงเรื่องชมรมทีไร คิลเลอร์ต้องออกอาการแปลกๆทุกที แถมมองไปที่เมต้าไนท์ด้วย ถ้าเดาไม่ผิด รึว่าเขา...
     "ชั้นจะลองพยายามเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าดู ถ้าโอเคล่ะก็นะ..."เมต้าไนท์พูด"มันเว่อร์ไปรึเปล่าถ้าจะพูด แต่ชั้นอยากลองเข้าวงของโรงเรียนน่ะ"
     "ไม่หรอกๆ ถ้าเป็นนาย นายทำได้แน่"คิลเลอร์บอกเมต้าไนท์"อยากทำอะไรก็ทำไปสิ ชั้นจะคอยดูอยู่ข้างๆเอง"
     ..........
     "เคอร์บี้ๆ"บานดาน่าทักชั้นในคาบชมรม เขามีสายตาที่ดูมีเรื่องคาใจ
     "อะไรเหรอ"
     "เรื่องของบุนน่ะสิ เคอร์บี้ว่าเขาแปลกๆไปรึเปล่าครับ"
     "เอ๋ บุนน่ะเหรอ"ชั้นพูดขึ้นมา"...นั่นสิ ชั้นก็ว่าเขาแปลกๆอยู่นะ เหมือนอยากบอกอะไรพวกเรา"
     "ใช่มั๊ยครับ ใช่มั๊ย!"บานดาน่าพูด"เอาไว้เลิกเรียนแล้วเราถามเขากันเถอะ!"
     บานดาน่ามีสายตากระตือรือร้นขึ้นมาทันที
     ตั้งแต่รู้จักกันมา บานดาน่ากับคิลเลอร์ สองคนนี้เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องใดๆก็ตามที่สุด แต่สองคนนี้มีอะไรที่ต่างกันอยู่ คิลเลอร์จะจริงจังในแบบผู้ใหญ่ ตัดสินใจได้เฉียบขาด ความมุ่งมั่นก็สูง สมกับเป็นคนที่เคยเป็นรองหัวหน้าฝ่ายตามล่าของเมดเทอร์มาก่อน ส่วนบานดาน่าจะจริงจังในแบบของคนที่ทุ่มสุดตัวให้กับทุกสิ่ง ให้คำแนะนำคนรอบข้างได้ดี ความรับผิดชอบสูง เคยเป็นประธานนักเรียน
     แต่เอาจริงๆแล้ว ชั้นชอบความจริงจังของบานดาน่ามากกว่าคิลเลอร์เสียอีก เพราะว่าเหมือนคิลเลอร์ขาดอะไรไปบางอย่างในตัวของเขา
     "จะว่าไปแล้วนะครับ ทุกคนนี่มีจุดเด่นไม่เหมือนกันเลยนะ"บานดาน่ามองมาที่ชั้น
     "จุด...เด่น?"
     "อื้ม แต่นะ ถ้ามีจุดเด่นก็ต้องมีจุดด้อยบ้างล่ะ"
     "งั้น..นายลองพูดมาสิ ชั้นอยากฟังน่ะ"ชั้นยิ้มให้บานดาน่า เขายิ้มตอบและพูดต่อ
     "ดีดีดีน่ะ เขาเป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยใส่ใจสิ่งรอบข้างเขาเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วถ้ามีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างเขา เขาพร้อมจะเข้าไปช่วยเสมอ เหมือนตอนที่เคอร์บี้กำลังแย่ไงครับ เขามาถึงคนแรกเลยที่ท่าเรือ ถึงผมจะมาพร้อมเขาก็เถอะนะ"
     "เมต้าไนท์..นิสัยของเขา เขาเป็นคนที่มีบางครั้งที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่เขาจะคอยเอาใจใส่กับเพื่อนเสมอ เพราะว่าเขาเชื่อมั่นเพื่อนมากกว่าสิ่งใด ผมว่าเขาคงจะเกลียดมากด้วยเวลาที่มีใครมาทำอะไรเพื่อนของเขา ฝีมือในการใช้ดาบของเขานี่ถือว่าสุดยอดมากนะครับสำหรับคนที่อายุเท่าๆพวกเรา"
     "คิลเลอร์ เป็นคนที่ทำตัวเงียบขรึม เป็นผู้ใหญ่ ไร้ซึ่งจุดบอด แต่เอาจริงๆแล้วจิตใจของเขาเป็นเพียงแค่เด็กชายที่เอาแต่ใจเท่านั้น ที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะโตขึ้นมากับสังคมที่มีแต่คนปั้นเขาให้เป็นผู้นำของกลุ่มตามล่า เท่าที่ดูมาเขาน่ะ ไม่ได้ทำตามใจตัวเองเลยซักครั้งเดียว"
     "ผมน่ะ...จะว่าไงดีนะ..."
     "นายน่ะ เป็นเหมือนคุณพ่อในกลุ่มเราไง"ชั้นตอบเขาไป"ทั้งใจดี เรียบง่าย มีเหตุผลเสมอ ใครๆก็ชอบนาย ทั้งยังเรียนดีมีความรับผิดชอบ"
     "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"บานดาน่าเขิน"มิโดริ น้องสาวของเคอร์บี้ก็ฉลาดเป็นกรด วางแผนเส้นทางต่างๆได้ดี การคาดการ์ณของเธอมีโอกาสพลาดเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นเองครับ เธอเป็นคนนึงที่ผมว่าอนาคตต้องมีคนอยากให้เธอไปทำงานเป็นนักสืบแน่ๆ"
     "หืม...น้องสาวชั้นสุดยอดขนาดเลยเหรอ"ชั้นพูดกับบานดาน่า"แต่ชั้นมันไม่มีอะไรที่ดีเลยนี่สิ ไม่โดดเด่นเอาซะเล--"
     "จุดเด่นของเคอร์บี้ก็คือรอยยิ้มยังไงล่ะครับ"บานดาน่ายิ้มให้ชั้น
     รอยยิ้มเหรอ?
     "รอยยิ้มของเคอร์บี้เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมากเลยล่ะ แววตาของเคอร์บี้เองถ้าได้จ้องก็คงรู้สึกเหมือนมีดาวนับพันๆดวงอยู่ภายใต้นัยตาสีน้ำเงินเข้มด้วย และเคอร์บี้ก็เป็นคนที่ชอบพูดให้ความหวังกับคนอื่นด้วยนี่นา"
     "เอ้ายิ้มสิครับ ผมชอบนะเวลาที่เคอร์บี้ยิ้ม รอยยิ้มนั้นน่ะก็ให้กำลังใจผมด้วยนะ"
     ...ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อเลยแหะ เล่นมาแบบนี้
     บานดาน่าบอกว่า ข้อดีชั้นคือรอยยิ้มที่มอบกำลังใจให้ทุกคนเหรอ?
     ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่มัน...รู้สึกดีไม่ใช่น้อย
     บานดาน่าเห็นข้อดีของทุกคนและดึงมันออกมาพูด ซึ่งนั่นทำให้ชั้นคิดว่า บานดาน่าเป็นคนหนึ่งที่เหมาะจะเป็นคนที่ล้างบาปมากกว่าชั้น
     แต่บานดาน่าบอกว่าชั้นเป็นคนที่ล้างบาปได้เพราะเหตุผลนี้น่ะเหรอ?
     โธ่..ดีพเอ็นด์ ถ้านายได้ยิน นายมาบอกชั้นหน่อยได้มั๊ยว่าเพราะอะไร ชั้นอยากรู้มานานแล้วนะ
     ..........
     "บุน! บุน! นายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอยู่รึเปล่า!"เคอร์บี้วิ่งเข้าไปหาบุนหลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว"นายดู.."
     "มะ..ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ"บุนตอบเขากลับและรีบหันหลังหนี"ชั้นกลับก่อนนะ!"
     "อย่าลืมกินยาล่ะ นอนให้มากๆด้วย!"เคอร์บี้ตะโกนตามหลังไป และหันมาทางบานดาน่า"จริงๆด้วย เขามีอะไรที่ไม่ยอมบอกเรา"
     "นั่นสิ..แต่ว่า ดีดีดีไปไหนแล้วล่ะครับ"
     "เอ๋?"
     เคอร์บี้หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาดีดีดี จนเขาเห็นดีดีดีกำลังตีลูกเทนนิสกับรุ่นพี่ปีสามปีสี่อยู่
     "ว้าว กล้ามเนื้อแขนเขาแข็งแรงดีจัง"เคอร์บี้พูดกับบานดาน่า
     "ถ้าให้ถือไม้ค้อนหนักสิบกิโลนี่ ผมว่าเขาก็ยังสบายๆเลยนะครับ"บานดาน่ามองที่ดีดีดี"เอ๊ะ นั่นคิลเลอร์นี่ครับ"
     บานดาน่าชี้ไปทางด้านหลังรั้วอีกฝั่งของสนามเทนนิส คิลเลอร์กำลังถือถุงพลาสติกที่มีกล่องอยู่ข้างในเข้าไปในตึกเล็กๆ
     "อืม..นั่นมันโรงซ้อมดาบนี่นา"เคอร์บี้บอกกับบานดาน่า"ท่าทางเขาคงออกไปซื้ออะไรมาล่ะมั๊ง"
     "อ๊ะ พวกนาย"
     เมต้าไนท์เดินเข้ามาหาเคอร์บี้กับบานดาน่า
     "วันนี้คงกลับดึกหน่อยน่ะ กินข้าวกันเลย ไม่ต้องรอชั้นกับพี่หรอก"เมต้าไนท์พูด"ร้านที่ชั้นไปทำงานน่ะ อยู่ห่างจากที่นี่หน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก"
     "ยังไงก็ระวังด้วยนะครับ"บานดาน่าพูด"กลางคืนมันอันตรายมาก พวกหลบมุมตึกจี้เงินก็มีเยอะ"
     "เอาน่าๆ ชั้นแอบซ่อนดาบเอาไว้นะ"เมต้าไนท์เปิดผ้าคลุมที่บังข้างๆตัวเขาให้เคอร์บี้กับบานดาน่าดู เขาเอาปลอกดาบเสียบเอาไว้
     "งั้นพวกชั้นจะเรียกดีดีดีกลับหอก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน"
     "อื้อ!"
     ..........
     แปลก
     แปลกจัง
     "โอ้ยยย"ชั้นลุกขึ้นมาจากเตียงที่ชั้นนอนอยู่ คุณฟูมุที่ทำงานอยู่บนโต๊ะด้านข้างห้องหันมาทางชั้น
     "มีอะไรเหรอ?"
     "มันรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆน่ะครับ"ชั้นตอบคุณฟูมุไป"ตั้งแต่เช้าแล้ว"
     "เอไอที่รู้สึกแบบนี้ได้นี่มันเกินความเป็นเอไอไปแล้วนะ สรุปเธอเป็นเอไอรึชาวแคปปี้กันแน่เนี่ย"คุณฟูมุพูดกับชั้น"เอาเถอะ ลองฟังเพลงนี้ดูสิ อาจจะช่วยลดเรื่องคิดมากได้นะ"
     "เพลงอะไรครับ"ชั้นเอาหูฟังของคุณฟูมุมาครอบหูและฟังมันอย่างตั้งใจ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาที่ให้ปล่อยวางเรื่องที่คิดบ้างและจะดีขึ้นเอง
     "เห็นมั๊ย ถ้าคิดมากเกินไปมันจะส่งผลเสียต่อจิตใจนะ"
     "..ครับ เฮ้อ...."
     ราวกับว่ามันจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหล่ะ ชั้น..อยากลองไปที่โรงเรียนที่เคอร์บี้อยู่จัง แต่ถ้าไปตอนนี้ ไปอยู่ด้วยต้องมีคนคิดว่าชั้นเป็นใคร ชั้นให้คนยัดเงินใต้โต๊ะเข้ารึเปล่าแน่ๆ ซึ่งมันจะมีปัญหา
     "คุณฟูมุครับ"ชั้นหันไปทางคุณฟูมุ"ถ้าคุณว่าง...คุณช่วยดูเรื่องของพวกเคอร์บี้ได้มั๊ยครับ?"
     "ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ แต่ทำไมเธอไม่ใช้หูฟังเธอเอาล่ะ?"
     "ผม..อยากจะรู้แค่ตอนนี้น่ะครับ เรื่องอนาคตผมไม่อยากให้มันติดมาด้วย"ชั้นตอบไป"เพราะว่าถ้ารู้แล้วมันจะกลัวขึ้นมาน่ะครับ.."
     "นั่นสิ..."คุณฟูมุพูด"ใครๆก็อยากรู้อนาคตแต่อีกใจก็กลัวว่าไม่ดีนี่"
     ชั้นล้มตัวนอนลงไปอีกรอบ และหลับตาลง ความง่วงเริ่มเข้ามาในตัวชั้น
     นับวันตัวของชั้นก็เริ่มเหมือนชาวแคปปี้ขึ้น กลุ่มของเมดเทอร์ทำไมถึงทำให้เอไอเป็นถึงขนาดนี้ได้กันนะ
     เคอร์บี้...
     ถ้านายได้ยินเสียงชั้นตอนนี้
     ชั้นอยากบอกว่า ระวังตัวด้วย
     เพราะว่าลางสังหรณ์ของชั้นมันบอกว่า จะมีเรื่องเกิดขึ้น
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น