Translate

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

kirby's story of star ep 1 : การเดินทาง

        "ระวังตัวด้วยนะ อย่าทำอะไรที่มันแผลงๆล่ะลูก"
        "โธ่ แม่ ผมไม่ทำอะไรพรรณนั้นหรอกน่า"
        ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในเกาะแคปปี้ แสงแดดได้สาดส่องไปทั่ว ชายทะเลมีคลื่นสงบเหมาะแก่การเดินทางเข้าฝั่งอย่างยิ่ง เด็กชายตัวกลมๆ สีชมพู คล้ายลูกบอลยาง มีเท้าสีแดงสด มือเล็กๆของเขากำลังถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกินตัว ยืนอยู่แม่และเพื่อนๆอีกหลายคน
        "เคอร์บี้ๆ นายได้ไปฝึกงานที่ร้านไหนล่ะ"เพื่อนคนหนึ่งถามเคอร์บี้
        "ร้านขายขนมปังที่ชื่อว่า ปังมาม่า น่ะ ร้านนี้ดังพอสมควรเลยนะ"เพื่อนอีกคนของเขาตอบแทน เคอร์บี้จึงพยักหน้าตอบรับ
        "ฉันเคยได้ของฝากจากญาติที่ไปมาน่ะนะ อร่อยมาก แถมอยู่ริมฝั่งด้วย ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก"เคอร์บี้ตอบ เขากำลังนึกถึงขนมปังหน้าแยมก้อนใหญ่ๆที่ป้าของเขาเอามาฝาก "เนอะ แม่"
        "เฮ้ๆ นี่นายยังติดแม่อยู่อีกเหรอ? มิน่าล่ะ ถึงไม่ค่อยกล้าทำอะไรด้วยตัวเองเท่าไหร่ ฮาฮ่าฮา"เพื่อนคนแรกหัวเราะ เคอร์บี้จึงทำสีหน้างอน
        "นายนี่นะ..."
        "จะว่าไป เมื่อไหร่เรือจะออกล่ะ"เพื่อนคนที่สองถามเคอร์บี้และเพื่อนคนแรก เขามองซ้ายขวา
        "อีกประมาณสิบนาทีจ่ะ"แม่ของเคอร์บี้ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำให้เคอร์บี้แอบหัวเราะในใจ ปกติแล้วแม่ของเขาเป็นหญิงแกร่ง ทำงานบ้านทุกอย่างเองหมดเลย เวลาเขาทำอะไรผิด แม่ก็จะดุเขาด้วยเสียงอันดังลั่นบ้าน
        "หัวเราะอะไร เคอร์บี้"แม่เขาหันมาทำตาดุใส่เคอร์บี้ ทำให้เขาต้องเงียบไป
        "ไปได้แล้วล่ะมั๊ง"ลุงที่เป็นคนบังคับเรือยื่นหน้าออกจากหน้าต่างมาบอกพวกเขา"กว่าจะถึงฝั่งก็อีกประมาณครึ่งชั่วโมงนะ"
        "งั้น แม่ ผมไปก่อนนะครับ ไปสามเดือนนี่มันนานเกินไปมั๊ยเนี่ย"เคอร์บ่น"ฝึกงานก็ไม่น่าจะให้นานขนาดนี้เลยนะ"
        "สมัยแม่เรียนก็สามเดือนเหมือนกันนี่แหล่ะ เอ้า ขึ้นเรือไป"แม่ของเขาผลักเขาขึ้นเรือทันที"อยู่แถวหาดไม่มีอะไรหรอกน่า"
        เคอร์บี้รับกระเป๋าใบใหญ่จากแม่ และแม่ของเขาก็เอาหมวกไหมพรมสีขาวที่มีปีกยื่นออกด้านข้างมาใส่ให้ที่หัวของเขา
       "รักษาหมวกใบนี้ดีๆนะ แม่ถักให้เองเลย ช่วงนี้ยิ่งหนาวๆอยู่ด้วย"
       "ว้าว ขอบคุณครับแม่"เคอร์บี้ยิ้มแฉ่ง เขาดีใจมากที่นานๆทีแม่เขาจะให้ของขวัญมา
       "โชคดีนะจ๊ะทุกคน"แม่ของเคอร์บี้หันไปบอกเพื่อนนักเรียนของเคอร์บี้ พวกเขาเลยเฮฮากันใหญ่
       ..........
       สวัสดีทุกคน
       ฉันชื่อเคอร์บี้ เป็นชาวแคปปี้ อายุ12ปี ตอนนี้ฉันกำลังจะเข้าฝั่งที่ประจวบคีรีขันธ์ เอ๋? ชาวแคปปี้คืออะไรเหรอ ชาวแคปปี้คือชนเผ่าหนึ่งที่มีวิวัฒนาการแตกย่อยมาจากมนุษย์อีกทีนึง มีลักษณะต่างจากมนุษย์สิ้นเชิง หนึ่งคือ ชาวแคปปี้จะมีลำตัวเป็นวงกลมคล้ายลูกบอลยาง มีหลากหลายสี อย่างฉันที่เป็นสีชมพู เพื่อนฉันอีกคนเป็นสีแดง สีแสบใช่มั๊ยล่ะ แม่ฉันเป็นสีฟ้า สองคือชาวแคปปี้จะมีแตกย่อยไปอีกหลายสาย ได้แก่ ชาวเพนกิน่า พวกเขาจะรูปร่างคล้ายเพนกวินจักรพรรดิ มีอยู่สีเดียวคือสีฟ้า ชาวฮู พวกเขาจะคล้ายมนุษย์มาก เนื่องจากลำตัวที่ยาว และมีสีผิวเป็นสีเนื้อ ความจริงยังมีอีกเยอะนะ แต่ก็ขี้เกียจอธิบายแล้วสิ เอาล่ะ มาต่อเรื่องกันเถอะ
       ทำไมฉันต้องไปที่ประจวบเหรอ โรงเรียนส่งไปฝึกงานน่ะสิ น่าเบื่อมั๊ยล่ะ ไอ้เราก็ไม่ค่อยจะถนัดงานแนวนี้ซักเท่าไหร่หรอก แต่พอได้ยินว่าร้านที่ผมไปเป็นร้านขายขนมปัง ฉันก็อยากไปทันที เพราะว่าฉันชอบทำขนม ทำอาหาร ฉันติดนิสัยแม่มาสินะ ฮ่าฮ่า โรงเรียนนี่ก็โรคจิต ปกติปีก่อนๆให้ไปแค่ครึ่งเดือน แต่นี่ให้เราไปตั้งสามเดือน อ้างว่าปรับนโยบายใหม่ของโรงเรียน ให้เด็กมีประสบการณ์เยอะๆ แม่ก็อ้างว่ารุ่นแม่ก็สามเดือน ฉันว่าไม่ใช่หรอก โรงเรียนก็แค่ไม่อยากรับมือกับเด็กรุ่นนี้มากตังหาก รุ่นของฉันมีแต่เด็กแสบๆ ไม่ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ สงสัยคงเอาไม่อยู่จริงๆ ถึงผลักไสไล่ส่งพวกเราไปฝึกงานนาน
       ร้านปังมาม่า เป็นร้านขนมปังริมชายฝั่งทะเล ร้านนี้มีชื่อเสียงมากเลยนะ ขนมปังเขาอร่อยจริง ลูกค้าไม่ขาดสายเชียวนา ป้าของฉันซื้อขนมปังไส้ช็อคโกแล็ตก้อนใหญ่มา ฉันลืมรสชาติมันไม่ลงเลย อร่อยมากกกกกก
       ตอนนี้ก็ใกล้ฝั่งแล้วสินะ ต้องแยกกับเพื่อนเพื่อหาทางไปร้านเองอีก กรรมแต่ชาติไหนเนี่ย ร้านที่เพื่อนไปฝึกแต่ละร้านก็อยู่ห่างกันเกือบกิโลได้มั๊ง ทำให้หมดโอกาสที่จะเดินไปง่ายๆได้เลยนะเนี่ย
       ..........
       "เอ้าเด็กๆ ถึงฝั่งแล้วนะ ตรวจดูสิ่งของว่าครบรึเปล่าด้วย ไม่งั้นลุงไม่วิ่งเรือกลับมาเอาให้นะ"ลุงกะลาสีเรือบอกเสียงดัง
       "นี่ เคอร์บี้ เราแยกกันตรงนี้นะ ถ้าว่างจริงๆ ฉันจะมาหานายที่ร้าน รอชิมฝีมือนายเอาไว้เลย"เพื่อนของเคอร์บี้บอกลา
       "นายก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ อย่าไปทำข้าวของเขาพังนะ นายแรงช้างสารไม่ใช่เหรอ"ว่าแล้วเคอร์บี้กับเพื่อนก็หัวเราะเสียงดังก่อนที่จะเดินไปคนละทาง
       เคอร์บี้รีบตรงไปยังจุดรอรถเมล์ เพราะในกระดาษที่เขียนเส้นทางบอกว่านั่งรถเมล์สาย39มาลงที่ริมหาดที่ห่างจากที่นี่3กิโลเมตร เมื่อเขามาถึง เขาก็มองหาร้านทันที เขาเดินไปทั่วหาดพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่เกินตัว และหมวกสีขาวที่แม่ให้มา และเขาก็สดุดตากับป้ายร้านค้านึงที่ตั้งตระหง่า
       'ปังมาม่า'
       เคอร์บี้รีบมุ่งไปยังร้านทันที เมื่อเขาเข้าไปก็เจอคนยืนอยู่ที่บาร์อยู่สองสามคน
       คนนึงเป็นหญิงวัยกลางคน อายุราวๆใกล้สี่สิบ
       คนที่สองเป็นเด็กชายวัยประมาณม.1
       คนที่สามเป็นเด็กหญิง อายุพอๆกับคนที่สอง เธอกำลังถือเครื่องเกมอยู่
       "ขอโทษค่า วันนี้ร้านปิดนะค่ะ"เด็กหญิงคนนั้นพูดทั้งๆที่เธอกำลังนั่งจิ้มจอล่างของเครื่องเกมอยู่ และดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจใคร
       "อุ้ม วันนี้ร้านไม่ได้ปิดซักหน่อย ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเธอกำลังติดเกมอยู่"เด็กชายพูดกับเคอร์บี้แนวขอโทษ"วันนี้ร้านเรามีขนมปังหลายชนิดน--"
       "เธอเป็นเด็กที่มาฝึกงานใช่มั๊ย"เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำให้เด็กชายที่กำลังจะพยายามเชียร์ของหยุดทันที"ชื่อเคอร์บี้รึเปล่าจ๊ะ"
       "คะ..ครับ ผมเคอร์บี้ครับ เอ่อ นี่ใบอนุญาติเข้ารับฝึกงานครับ"เคอร์บี้หยิบกระดาษใบหนึ่งออกจากกระเป๋า"หวังว่าผมคงไม่ทำให้ลำบากอะไรนะครับ"
       "ไม่หรอกจ๊ะ เธอคงได้พักที่นี่แหล่ะ ชั้นบนของร้านมีห้องนอนว่างอยู่สองห้อง เลือกได้ตามใจเลยนะ อุ้มกับบุ๊คเค้าก็รุ่นเดียวกับเธอแหล่ะ พวกเขาก็พักอยู่ที่นี่เหมือนกัน มีแต่แม่นี่แหล่ะที่ไปนอนอยู่ที่บ้านข้างๆ นั่นเป็นบ้านของเราเองจ๊ะ"
       "ครับ"เคอร์บี้พยักหน้าตอบก่อนที่จะหันไปทางเด็กสองคนที่ชื่อว่าอุ้มกับบุ๊ค
       "ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
       "ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากก็ได้ ฉันชื่อบุ๊ค เป็นพี่ชายฝาแฝดของอุ้ม...คนที่นั่งเล่นเกมอยู่นั่นแหล่ะ อุ้มเค้าไม่ค่อยสนใจอะไรกับโลกหรอก"
       "ใครว่าไม่สนล่ะ สนอยู่นี่ไง"เสียงของอุ้มแย้งขึ้นมา"ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
       "คะ...ครับ"
       "ไม่ต้องครับก็ได้ เรามันรุ่นเดียวกันนี่นา"บุ๊คพูด"นายชื่อเคอร์บี้ใช่มั๊ย เกาะแคปปี้คงจะสวยน่าดูเลย ฉันยังไม่เคยไปเที่ยวที่นั่นเลยซักครั้ง เนอะ อุ้ม"
       "อื้ม แล้ว?"อุ้มตอบพลางจ้องเกมไม่ละสายตา เธอทำท่าทางหลบไปหลบมา"ฟู่ เกือบแล้วเชียว อีกนิดเดียวก็ชนแล้วมั๊ยล่ะ"
       "เหรอ ขอบใจนะ แต่ว่าก็มีเรื่องที่ไม่ค่อยดีอยู่บ้างแหล่ะ ปัญหาขโมยกะโจรยังไม่หมดซักทีเนี่ย"เคอร์บี้หัวเราะ แล้วหันไปทางคุณแม่ของอุ้มกับบุ๊ค"งั้นผมขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนนะครับ"
       "จ๊ะ แล้วลงมา ก็ค่อยเดินดูภายในร้านไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะแนะนำวิธีใช้นู่นนี่ให้"
       "ขอบคุณครับ"เคอร์บี้รีบขึ้นไปบันไดชั้นสองของร้านขนมปังแห่งนี้
       ..........
       ฉันวางกระเป๋าลงบนเตียงหลังใหญ่หลังจากที่ขึ้นมาบนห้องพักที่เจ้าของร้านว่างไว้ให้ พอแอนหลังลงบนเตียงเท่านั้นแหล่ะ ทำให้ฉันเกิดอารมย์ง่วงนอนทันที ทำไมนะ? ปกติฉันไม่เคยง่วงง่ายๆขนาดนี้มาก่อน รึว่าฉันเหนื่อยที่ขึ้นเรือมาแต่เช้า?
       ฉันเอาหมวกที่แม่ให้มาวางไว้ตรงลิ้นชักข้างเตียง ในห้องนี้กว้างประมาณสามเสื่อญี่ปุ่น พออยู่ได้หรอกนะ มีเตียง ลิ้นชัก โต๊ะตัวเล็กๆ แล้วก็ห้องน้ำในนี้ ดูท่าแล้วก็หรูนิดๆเหมือนกันนะ สัมภาระทุกอย่างของฉันก็จัดเอาไว้ข้างเตียงนี่แหล่ะ ง่ายดี แต่เดี๋ยวนะ
       มีกระถางดอกไม้เล็กๆริมหน้าต่างด้วยเหรอ ดูน่ารักไปหน่อยรึเปล่า ช่างเถอะ เอาเป็นว่าว่างๆก็เอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกไว้ดอกนึงก็ได้ จะได้ดูชื่นตามาอีกนิด
       พอฉันจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็รีบลงไปข้างล่างทันทีเพื่อไปเดินดูรอบๆร้าน
       สงสัยจังว่าตลอดสามเดือนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนะ ฉันอยากได้เพื่อนใหม่ที่นี่จัง แต่ก็อยากกลับไปไวๆเหมือนกันนี่? แหม ใครจะไปอยู่ทนตั้งสามเดือนได้โดยที่ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ฉันก็คนนึงล่ะ ไม่ชอบความเงียบ มันทำให้รู้สึกเหงาๆเหมือนกันนะ ฉันน่ะ เป็นคนที่กลัวความเหงาที่สุดเลย ขอแค่มีเพื่อนอยู่ด้วย แม้แต่คนเดียวฉันก็สบายใจแล้วล่ะ