Translate

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Kirby's story of star 2nd ep 3 : คำใบ้

     "ช่วยหน่อยเถอะนะครับ นะครับ"
     บานดาน่ากำลังยกมือไหว้พวกชั้นที่นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ ชั้นที่นั่งตักข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเข้าปากเกือบจะสำลักออกมาทันที
     "หา? ให้ไปที่ป่าหลังเขานี่ด้วยกันเหรอ?"ดีดีดีร้อง"ทำไมล่ะ"
      "ก็....ก็....ผมกลัวความมืดครับ แต่ว่าเจ้าของหอเขาพูดมาว่า ช่วยไปหากระเป๋าใส่ของที่เขาลืมเอาไว้เมื่อวานให้หน่อย แล้วต้องเจอในวันนี้ด้วยครับ"บานดาน่าอธิบายให้ทุกคนฟัง
     "ไอ้หาน่ะ ก็ทำได้นะ แต่ว่า...."คิลเลอร์ลดเสียงลง เขาเอาตารางเรียนขึ้นมาดู"ห้องชั้นวันนี้เลิกเรียนตั้งทุ่มนึงเลยนะ"
      "ห้องพวกเราก็เลิกช่วงนั้นนี้?"บุนถามชั้นกับเมต้าไนท์ วันนี้มีคาบเรียนพิเศษทุกสัปดาห์
     "ผมถึงอยากชวนไปไง..."บานดาน่าพูด เขาก้มกน้าลง"แต่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ"
     "อืม...งั้นชั้นต้องดูก่อนนะว่างานเยอะมากมั๊ย"เมต้าไนท์ตอบบานดาน่า
     ..........
     "เอ๋? มากัน...."
     ชั้นมองที่กลุ่มแสงไฟฉาย ในกลุ่มนั้นมีเพียงแค่ชั้น บานดาน่า และดีดีดีเท่านั้น
     "ทำไมเมต้าไนท์กับคิลเลอร์ไม่มาด้วยล่ะ งานไม่เยอะนี่นา"ชั้นหันไปถามดีดีดีที่ยืนอยู่ บานดาน่าเกาะแขนขวาดีดีดี
     "ก็สองคนนั้นเขาทำงานพิเศษนี่นา ช่วยไม่ได้ เอ้าไปกันเถอะ"
     ชั้นเดินเข้าไปตามไหล่ทางเขาลูกที่บานดาน่าถูกเจ้าของหอใช้ให้ไปหากระเป๋า รอบข้างทางได้ยินแต่เสียงของใบไม้เสียดสีกัน นกฮูกบนเขาจ้องมองพวกชั้นอย่างสงสัย
     "เจ้าของเขาว่าลืมไว้แถวไหนล่ะ?"ชั้นถามบานดาน่า
     "เขาบอกว่าเขาลืมแถวๆยอดเขาน่ะครับ แต่ว่ามันมืดนี่สิ ผมถึงอยากให้มาด้วย"
     "แต่ก็ไม่อยากเชื่อนะว่านายจะกลัวความมืด"ดีดีดีพูด
     "ครับ ที่ผมกลัวเพราะว่าเมื่อช่วงสามปีก่อนนะครับ"
     "สามปีก่อน?"ดีดีดีพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่บานดาน่าจะเล่าให้พวกเราฟัง
     "สามปีก่อนผมถูกลักพาตัวในป่าตอนที่มีทัศนศึกษาครับ เขาขังผมเอาไว้ในห้องมืดๆกลางป่า ได้ยินแต่เสียงต้นไม้เสียดสีกับลม ในห้องไม่มีไฟรึแม้แต่เทียน มีแค่ช่องลมเล็กๆที่พอให้เห็นท้องฟ้าเท่านั้นแหล่ะครับ หลังจากนั้นไม่นาน คนที่ลักพาตัวผมก็พางูเข้ามาในห้องเพื่อมาขู่ผม ต่อมาเขาก็ทยอยพาสัตว์มีพิษเข้ามาในห้อง ผมเริ่มกลัวได้แต่นั่งตัวสั่นตรงมุมห้อง ไม่รู้ว่าเขาจะปล่อยมันมาตอนไหน ผมเริ่มกลัวสิ่งรอบข้าง แต่กลัวที่สุดก็ความมืดที่ทำให้ผมระแวงสิ่งรอบข้าง ความมืดที่ผมกลัวมันเป็นความมืดของป่าแบบนี้น่ะครับ"
     "..."
     ทุกคนที่เดินด้วยได้แต่เงียบ
     บานดาน่าเคยมีอดีตที่สาหัสมาก่อนสินะ ภายใต้หน้าตายิ้มแย้มแบบนั้น หลายปีก่อนเขาต้องเผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายในชีวิต แต่ก็ต้องเก็บความกลัวนี้เอาไว้ไม่ให้คนอื่นต้องกังวลตามเขา
     คล้ายกับชั้นที่เคยรถชนตอนนั้นเลย เพียงแค่ชั้นขังความรู้สึกแบบนั้นไว้ไม่ให้จำได้ ส่วนบานดาน่ายังคงติดอยู่กับฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา
     ชั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกที่บานดาน่าบอกว่ากลัวความมืดของป่า ชั้นว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างที่กระตุ้นให้เขากลัว ถ้าเป็นชั้นเจอแบบนั้น ชั้นคงจะเป็นบ้าไปแล้วแน่แ---
     เป็นบ้า?
     เดี๋ยวนะ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะไม่เคยหงุดหงิดหรือโกธร แต่ตั้งแต่รู้จักกับบานดาน่า เขาไม่เคยโกธร แม้แต่คนล้อเขาเรื่องส่วนหัวที่ผ้าโพกหัวปิดอยู่ เขาก็ยังไม่โกธร
     รึว่า....
     "นี่ๆ นายเป็นอะไรไปเหรอ?"ดีดีดีสะกิดบานดาน่า แต่บานดาน่าค่อยๆหันมา ดีดีดีสีหน้าเหวอทันที
     "มีอะไรเหรอดีดีดี?"ชั้นถามเขาก่อนที่จะหันไปทางบานดาน่า ชั้นก็เกือบตกใจ
     ในมือของบานดาน่าถือคัตเตอร์กับไม้กิ่งใหญ่ เขาเหลาให้ปลายไม้นั้นแหลม แหลมมากๆ สีหน้าเขากระหายเลือดอย่างชัดเจน
     "ถ้าเข้าป่า----ก็ต้องทำอาวุธป้องกันตัวด้วยครับ---"
     เขาทำน้ำเสียงลากยาวปนด้วยความบ้าคลั่ง เขายืนไม้นั่นมาให้ชั้นกับดีดีดี
     "ของผม---คงต้องทำอันใหญ่ซักหน่อย---ผมจะไม่ประมาทน่ะครับ---"
     เขาใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการเหลาปลายไม้ให้แหลม แหลมกว่าของที่ให้มาเมื่อกี๊เสียอีก และเขาก็เดินนำหน้า หันมาทางพวกเรา
     "ช่วยส่องให้มอบแสงสว่างให้ผมด้วยนะครับ----"
     ..........
     เจ้าบ้า! เป็นอะไรไปกันแน่เนี่ย!
     อยู่ๆก็เหลาไม้แหลมๆยืนมาให้พวกชั้น บอกว่าป้องกันตัว ถึงจะบอกว่าป้องกันตัวก็เถอะ แต่ทำไมถึงต้องทำน้ำเสียงน่าขนลุกนั่นด้วยเล่า!!
     ถ้าเดาไม่ผิด ชั้นว่าบานดาน่าต้องมีอะไรกับป่ามากกว่านี้แน่ๆเลย ทั้งอาการแปลกๆ สีหน้าแปลกๆ น้ำเสียงแปลกๆ
     นายมีอะไรกันแน่? บอกมาเถอะ!
     เคอร์บี้ยังคงจ้องมองบานดาน่าเหมือนกันชั้น บานดาน่าที่กลัวความมืดของป่ากำลังเดินนำหน้าพวกเรา ไร้ซึ่งความกลัวเลย
     "ชู่ว"
     บานดาน่าบอกให้พวกเราเงียบลง ก่อนที่เขาจะเดินไปที่พุ่มไม้ และเอาหอกนั้นแทงลงไป ชั้นได้ยินถึงเสียงของสิ่งที่โดนแทงอย่างชัดเจน
     "...หนูหรอกเหรอ..."
     บานดาน่ายกหอกขึ้นให้ชั้นกับเคอร์บี้ดู หอกนั้นชุ่มไปด้วยเลือดของหนูตัวใหญ่ สายตาบานดาน่าจ้องมองที่เลือดอย่างกระหายราวกับพอใจที่ได้เห็นมัน
     "แถวนี้น่าจะมีสัตว์เยอะ ถ้าเห็นล่ะก็...เอาหอกแทงให้ตายเลยนะครับ"
     "นะ..นายไม่ใช่บานดาน่าที่ชั้นรู้จักเลยซักนิด!"เคอร์บี้ร้องขึ้นมาข้างๆชั้น เขาสังเกตอยู่แน่ๆว่าบานดาน่าแปลกไป ไม่เหมือนเขาเลยซักนิด
     "เอ๋---ยังไงครับ"
     บานดาน่าส่งรอยยิ้มที่น่ากลัวกลับมาทางพวกเรา เขาเอาหอกที่มีซากหนูแทงลงพื้น ยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลอดใบไม้มายังจุดที่เขายืนอยู่
     "นายไม่เป็นคนที่เย็นชาขนาดนี้ซักหน่อย ถึงจะบอกว่าป้องกันตัวด้วยหอกพวกนี้ แต่ว่าถ้าให้ฆ่าหมด มันไม่ใช่นายเลยนะ!"
     "ไม่ใช่ผม....ยังไงอีกล่ะครับ"บานดาน่าพูดด้วยเสียงน่ากลัวอีกครั้ง เป็นที่น่าขนลุก น้ำเสียงที่ไร้จิตใจสิ้นเชิง
     นายเป็นอะไรไปกันแน่
     "ดีดีดี....เราค่อยๆถอยหลังก่อนเถอะ"เคอร์บี้กระซิบบอกชั้น เขาค่อยๆเดินถอยไปทีละก้าวสองก้าว แน่นอนว่าชั้นก็ทำตาม ในเมื่อสถานการ์ณตอนนี้มันไม่ค่อยดีแล้ว
     "วิ่ง!"เคอร์บี้รีบหันหลังวิ่งทันที แต่ไม่ทันไรเขาก็เกือบจะโดนไม้หนามตำเท้าของเขา
     "..มาจากไหน..."ชั้นพูดเบาๆก่อนที่จะพยุงเคอร์บี้ขึ้นมา พลางหันไปมองบานดาน่า เขายังคงยิ้มด้วยความน่ากลัวต่อไป ราวกับว่าเขาเป็นนักฆ่าที่เลือดเย็น
     "ถ้าจะให้ผมพูดจริงๆ....ตัวตนของผมน่ะ...เป็นแบบนี้ไงล่ะครับ เป็นคนที่มีความบ้าคลั่งในตัว เป็นคนที่กระหายเลือดกว่าใคร เป็นคนที่ชอบสิ่งเจ็บปวดมากกว่าใคร....จากเหตุการ์ณในวันนั้นมันสอนให้ผมรู้ว่าความน่ากลัวเป็นอย่างไร และควรทำอย่างไรเมื่อเจอกับสิ่งที่เรากลัว คำตอบของผมคือการที่ต้องทำตัวให้น่ากลัวกว่าไงครับ...แล้วที่ผมทำกับดักนี่ไว้ก็เพราะไม่อยากให้ใครต้องหนีห่างจากผม..."
     "บานดาน่า!ตั้งสติก่อนสิ!"เคอร์บี้วิ่งไปทางบานดาน่า เขายืนต่อหน้าและตวัดน้ำเสียงใส่"นายใจเย็นๆก่อน!"
     "...."บานดาน่าได้แต่เงียบ เขาไม่ตอบกลับ ยืนมองพุ่มไม้ที่เขาเพิ่งเอาหอกแทงหนูไป หอกที่ชุ่มเลือดยังคงปักบนพื้น บรรยากาศรอบข้างแลดูไม่ดีลงเรื่อยๆ
     ..........
     "กลับมาแล้ว"
     เมต้าไนท์เดินเข้ามาในหอขณะที่คิลเลอร์กำลังถือกล่องกระดาษใบใหญ่อยู่
     "วันนี้เจ้าของร้านแบ่งขนมส่วนนึงมาให้ด้วย พวกนายจะกินด้วยก็ได้นะ"คิลเลอร์พูดต่อ เขาวางกล่องขนมบนโต๊ะ ก่อนที่จะเห็นบานดาน่าเดินลงมาจากชั้นสอง
     "อ้าว หากระเป๋าเจอแล้วเหรอ ดีจังนะ"เมต้าไนท์เดินเข้าไปหาบานดาน่า แต่บานดาน่าทำสีหน้างุนงง
     "เอ๋ กระเป๋า? เรื่องอะไรครับ ผมไม่ได้เขียนกระดาษแปะหน้าห้องผมเหรอว่าผมไม่สบายน่ะ?"
     "เอ๋? ไม่สบาย? เรื่องอะไรของนาย เมื่อเช้านายก็เดินไปโรงเรียนกับพวกเรานี่?"คิลเลอร์ถามบานดาน่า"แล้วก็ขอให้พวกเราไปช่วยหากระเป๋าที่ป่าในภูเขาเพราะนายกลัวความมืดด้วย"
     "ผมไม่ได้กลัวความมืดนะครับ เอ..ผมงงไปหมดแล้วนะ"บานดาน่ายังคงทำสีหน้างุนงง"ผมก็เพิ่งมาตื่นช่วงทุ่ม ก็สงสัยอยู่ว่าหายไปไหนกันหมด"
     "ปกติพวกเราเลิกงานพิเศษช่วงห้าหกทุ่ม แต่วันนี้เขาให้พวกเรากลับก่อนน่ะ แล้วตารางเรียนพวกเราทั้งหมดก็เลิกทุ่มนึงด้วย..."คิลเลอร์ทวน"ถ้าจริงตามที่บานดาน่าบอก แล้วเมื่อเช้านั่นใคร?"
     "..."บานดาน่ายืนนิ่ง"ผม...ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่านะ ถ้าเป็นคนที่เหมือนผมเหรอ....รึว่า..."
     "ใคร"เมต้าไนท์ถาม
     "ถึงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นตัวผมที่เป็นกระจกล่ะครับ ตัวปลอมของผมเมื่อหลายเดือนที่แล้ว"
     "....แต่ว่า"คิลเลอร์ถามบานดาน่าต่อ"จะเป็นไปได้เหรอ"
     "นั่นแหล่ะครับ"บานดาน่าพูดต่อ"ตัวปลอมของผมก็ถูกทำลายไปแล้ว จะกลับมาได้ยังไง"
    "งั้นเราลองไปดูกันเถอะ"เมต้าไนท์หยิบดาบออกมาจากฝักที่เสียบไว้ในกระเป๋าเพื่อดูคม"ชั้นว่ามีอะไรแปลกๆแล้วล่ะ"
     ..........
     "ดีดีดี! ระวัง!"เคอร์บี้บอกให้ดีดีดีระวังหอกไม้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขา บานดาน่าตัวปลอมยังคงยืนยิ้มน่ากลัว โดยที่ไม่ได้ขยับไหน เขาก็สั่งการหอกไม้พวกนั้นได้ดั่งใจนึก เคอร์บี้ได้แต่ระวังหน้าหลังเนื่องจากพวกเขาโดนหอกไม้ล้อมหมดรอบบริเวณนั้นๆ ไม่นานบานดาน่าตัวปลอมก็เริ่มขยับเข้ามาหาเคอร์บี้
     "ทำไมนายถึงกลับมาได้ล่ะ!"
     "อืม...จะบอกยังไงดีล่ะ?"บานดาน่าตัวปลอมบอกกับพวกเขาทั้งสอง"ประมาณว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ชั้นอยู่นี่ ได้ฟื้นชั้นขึ้นมาล่ะมั๊งครับ? แล้วก็นะ...อีกไม่นานนี้โลกใบนี้ทั้งใบจะตกอยู่ในมือของท่านผู้นั้นด้วย เป็นโลกที่สะท้อนถึงความจริงทั้งมวล สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงสะท้อนถึงความจริงที่เพื่อนพวกนายคนนึงด้วยครับ..."
     "เพื่อน...พวกเรา"ดีดีดีทวนคำ"หมายความว่ายังไงน่ะ! ความจริงอะไร!"
     "ผมจะใบ้ให้ละกันนะ"บานดาน่าตัวปลอมนั่งลงกับพื้น มองดวงจันทร์ข้างบน พลางเอาหอกแกว่งเขี่ยดิน"ยามที่ตัวตนนึงกำเนิดมา อีกตัวตนหนึ่งจะเกิดมาพร้อมกันในอีกโลก สิ่งที่ต้องเป็นไปคือเงาสะท้อนทุกสิ่งของตัวตนแรก"
     "..."เคอร์บี้คิด"รึว่านายกำลังจะบอกว่า...พวกเราแต่ละคนมีมุมด้านมืดของตัวเองงั้นเหรอ"
     "ใช่แล้วล่ะครับ...รู้มั๊ยครับว่าบนโลกกระจกที่ผมอยู่เนี่ยต้องเปื้อนเลือดกันทุกวันเชียวล่ะ ฆ่ากันเองเพื่อระบายความรู้สึกของตัวตนแรก ฉะนั้นท่านผู้นั้นจึงต้องการให้โลกกระจกเป็นโลกที่สะท้อนความจริงแทนโลกนี้ และจะให้คนจากโลกนั้นมาฆ่าพวกคุณแทนไงล่ะ"
     "แต่ทำไม..."ดีดีดีเดินเข้าไปใกล้ๆบานดาน่าตัวปลอม มือของเขาถือหอกไม้เอาไว้
     "จริงด้วยสิ ผมจะบอกว่า ตัวของเคอร์บี้ในโลกกระจกน่ะ น่ากลัวไม่เบาเลยนะ ทั้งมีความกระหายเลือด ทั้งเป็นคนที่ทะเยอทะยาน แถมเย็นชาด้วย"บานดาน่าตัวปลอมไม่สนใจดีดีดี"ถ้าฆ่าคนที เขาไม่ลังเลเลยล่ะ"
     "ชั้น..ในโลกกระจกเนี่ยนะ"เคอร์บี้ตกใจ"จะว่าไปชั้นยังไม่รู้จักชื่อนายจริงๆเลยนี่ เรียกแต่ตัวปลอมมาตลอด"
     เคอร์บี้พยายามล่อความสนใจ เพื่อให้ดีดีดีย่องเข้าไปทำร้ายได้
     "ชื่อจริงงั้นเหรอครับ...ทุกคนก็ชื่อเหมือนกันหมดอยู่แล่วล่ะ เหมือนกับบนโลกนี้..."บานดาน่ายิ้ม ยืนขึ้นแล้วเอาหอกหันไปทางด้านหลัง ปลายหอกอันแหลมคมนั้นเกือบจะโดนคอของดีดีดีในไม่กี่มิลลิเมตร"คุณย่องมาเสียงดังไปหน่อยนะครับ แล้วก็นะเคอร์บี้ คุณพยายามล่อผมจนแสดงออกผ่านสีหน้าเลยล่ะ"
     เคอร์บี้กับดีดีดีได้แต่ยืนมองบานดาน่าอีกคนด้วยสีหน้าที่กังวล พวกเขาไร้ทางหนี และต้องเล่นเกมตามบานดาน่าคนนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะจบตอนไหน
     "หืม..?"
     เคอร์บี้รู้สึกได้ถึงของมีคมที่ผ่านทางด้านซ้ายมือของเขาไป บานดาน่าตัวปลอมถึงกับต้องกระโดดขึ้นต้นไม้หลบ และมองหา
     "ออกมาแล้วสินะ! เมต้าไนท์! คิลเลอร์!"
     "อย่างที่บานดาน่าบอกเลย เจ้านี่กลับมาแล้ว"คิลเลอร์กระโดดลงมาจากต้นไม้ ส่วนเมต้าไนท์เดินออกมาจากข้างป่า คนที่ขว้างดาบคือเมต้าไนท์"ใครเป็นคนสั่งนาย!"
     "แหมๆ ใจเย็นสิครั---"
     บานดาน่าตัวปลอมยังไม่ทันได้พูด คิลเลอร์ก็เอาดาบเข้าปะทะกับหอกไม้ จนหอกนั้นหักเป็นสองชิ้น บานดาน่าตัวปลอมจึงทำได้แค่กระโดดบนต้นไม้หนีไป พร้อมทิ้งคำส่งท้ายเอาไว้
     "ชั้นจะว่าในบรรดาคนที่พวกคุณรู้จักน่ะ! มีอยู่สองคนที่มาจากโลกกระจก! คนหนึ่งหนีออกมา ส่วนอีกคนถูกพาออกมา! หวังว่าจะสนุกกับการหานะครับ!"
     หลังจากที่บานดาน่าตัวปลอมจากไป ทุกอย่างก็เงียบสงบ และกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โดยที่พวกเขายังคงเหลือข้อสงสัยอยู่มากมาย