Translate

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Kirby's story of star ตอนที่ 7 : ดอกไม้ที่ไร้สีสัน - ปฐมบท

       "อ๊ะ สวัสดีครับ รับดอกไม้อะไรครับ"
       "อืม.....เอาไปเยี่ยมคนป่วยนี่เอาดอกอะไรดีล่ะ"บุ๊คถามชั้น ในขณะที่ชั้นกำลังยืนดูดอกไม้อยู่
       นี่ก็ผ่านไปแล้วเดือนนึงเต็มๆสำหรับการฝึกงาน หลายวันมานี้ไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าโชคดีสุดๆ เพราะว่าระยะนี้มันมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นกับชั้น ทั้งการที่กลายเป็นคนที่ล้างบาปอะไรนั่นได้ วาพ์บสตาร์ อะไรต่อมิอะไรอีก
       เมื่อเช้าบุ๊คเค้าได้ยินมาว่าเพื่อนของเขา นนท์ ขาหัก ต้องเข้าโรงพยาบาล เขาเลยอยากจะไปหาเพื่อน และลากชั้นมาด้วย ไม่ใช่ว่าชั้นไม่เต็มใจ แต่ชั้นไม่ถูกชะตากับโรงพยาบาล เพราะว่าเมื่อ 5 ปีก่อนเคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชั้น ได้ผ่าตัดด้วย แต่ชั้นก็จำไม่ได้ว่าเพราะเป็นอะไรนี่สิ ถามแม่ แม่ก็ไม่ยอมตอบ บอกว่าถ้าได้ฟังอาจจะตกใจมากก็ได้
       ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ไม่ยอมบอก ทำไมต้องตกใจ เพื่อนที่โรงเรียนก็เหมือนจะให้เงียบเรื่องนี้เอาไว้ด้วย หลังจากนั้นมาทุกอย่างก็ปกติดี
       "อ๋อ ถ้าเยี่ยมคนป่วยก็ดอกนี้สิครับ กุหลาบขาว"เด็กชาวแคปปี้พูดตอบกลับมา
       "นี่ นายว่าโอเคมั๊ย เคอร์บี้"บุ๊คหันมาถามชั้น
       "สวยนี่ แต่ชั้นว่าสีส้มดูสดใสกว่านะ"ชั้นตอบกลับไปอีก"น่าจะทำให้ดูสดชื่นกว่านะ"
       "ตาถึงนี่ครับ"เด็กคนนั้นยิ้ม"ชั้นเองก็ชอบสีส้ม สวยมากเลยละ ใช่....สวยมาก..."
       ชั้นไม่เข้าใจที่เด็กคนนั้นลดเสียงต่ำลง แล้วก็เหมือนมืดมนลงด้วย แต่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า
       "งั้นเอาสีขาวผสมกับสีส้มเลยดีกว่า เท่าไหร่ครับ"บุ๊คไม่ได้สังเกตุถึงสิ่งนี้ และจ่ายเงินไป
       ..........
       "ว้าว ขอบคุณนะ แล้ว...นั่นใครเหรอ?"
       "คนที่มาฝึกงานร้านชั้นน่ะ ชื่อเคอร์บี้"บุ๊คตอบ"เป็นไงบ้างล่ะนนท์"
       "สบายมากกกก"นนท์ตอบ พลางฉีกยิ้มกว้างเห็นฟัน"ไม่ได้เรียนด้วย ดีสุดๆ"
       "เพราะงี้แหล่ะเกรดถึงตก"บุ๊คทักขึ้น"พูดถึงเกรด เทอมที่แล้วเจ็บใจมากเลย คอมตกอีกแล้ว วิชานี้สู้อุ้มไม่ได้ซักที ยัยเกมเมอร์มีดีแค่วิชานี้รึไงกันน้าาา"
       "ชั้นยังได้แค่พละเอง นายน่ะสมบูรณ์แบบทุกวิชานี่นา คะแนนเต็มร้อยก็ได้ตั้งเก้าสิบขึ้นทุกวิชา"นนท์พูดต่อ"อ้อ นายน่ะ เคอร์บี้ใช่มั๊ย ได้เกรดเท่าไหร่เหรอ"
       นนท์ถามชั้น ทำไมถามกันนะ เกรดเรายิ่งไม่ค่อยเท่าไหร่ด้วย
       "ถ้าเฉลี่ยกันแล้วก็ 3.3 มั๊ง"ชั้นตอบตามความเป็นจริง ถ้าวิทย์กับคณิตไม่ฉุดลงล่ะก็นะ ป่านนี้เกรดก็คงจะดีกว่านี้แล้วล่ะ
      "โหหห มากกว่าชั้นอีกนะ เนี่ยถ้าไม่ได้บุ๊ค ชั้นคงโดนแม่ด่าจนตายแน่ๆ"นนท์ร้องหูทันที แม่ชั้นบอกว่าเกรดน้อยนี่นา"จะว่าไปทำไมดอกไม้ดูเฉาๆไงไม่รู้ล่ะ"
       "เอ๋ จริงด้วย ตอนซื้อมายังว่าสดๆอยู่นะ"บุ๊คบอก"สีสดมากเลย แปลกแฮะ สงสัยโดนพวกควันรถนู่นนี่เยอะแยะมั๊ง ช่างเถอะ"
       "น่าสงสัย...."
       ชั้นพูดพึมพัมเบาๆ ชั้นแอะใจตั้งแต่เช้าแล้ว เด็กคนนั้นดูแปลกๆด้วย ไม่ชอบมาพากล
       "อะไรเหรอ"บุ๊คหันมาทางชั้นในขณะที่ชั้นกำลังนึกผังมโนทัศน์เหตการณ์ในสมอง
       "เปล่าๆ"ชั้นปฏิเสธทันที ทั้งที่รู้ว่าโกหกเต็มเปา
       ..........
       "วันนี้คิลเลอร์สุดยอดมากเลยนะะะะะ ชั้นพาเขาไปร้านเกมใกล้ๆ หาเพื่อนเล่นเกมเต้นด้วยกัน ทีแรกชั้นมั่นใจมากว่าชนะแน่นอน สุดท้ายเป็นไง คิลเลอร์ชนะ!!!! เต้นคล่องมากเลยล่ะ คนมุงดูเต็มเลยยยยย"
       เสียงของอุ้มดังมาจากบนบ้าน สงสัยเล่าอะไรให้ใครฟังอยู่ล่ะมั๊ง
       "นี่ๆ เต้นให้ดูหน่อยสิ นะนะนะนะนะนะนะ"
       "ไม่"
       "ทีตอนนั้นยังเต้นเลย"
       "ก็ตอนนั้นมันเล่นเกมนี่นา ทำไมตอนมาเต้นตอนนี้ล่ะ ไม่ได้เล่นซักหน่อย"คิลเลอร์เถียงอุ้ม เขากล้าเถียงอุ้มด้วยแหะ
       "พี่ ผมก็อยากเห็นนะ"เมต้าไนท์เรียกร้องต่อ ชั้นจึงขึ้นไปชั้นสองเพื่อไปหาพวกเขา
       "อ๊ะ เคอร์บี้ มาๆๆๆๆ"อุ้มเรียกให้ชั้นเข้าไปในห้องนั่งเล่น บนโต๊ะมีโน๊ตบุ๊ค(ไว้เล่นเกมเฉพาะ) เกม และขนมถุงสองสามถุง คิลเลอร์นั่งอยู่ข้างๆอุ้ม ส่วนเมต้าไนท์กำลังง่วนกับการเอาลูกอมกีวี่เข้าปาก ทั้งสามกำลังนั่งดูโทรทัศน์ที่ฉายรายการเกมโชว์อยู่
       "เมต้าไนท์....ไม่กลัวสำลักเหรอนั่นน่ะ"ชั้นถามเขาทันทีที่เห็น
       "อือ...ไอ้ๆ อะอ่อยอะอาย"เมต้าไนท์พูดอู้อี้ ชั้นจึงไม่ชวนคุยต่อ แล้วหันไปทางอุ้ม
       "นี่ๆ มากล่อมให้คิลเลอร์เค้าเต้นให้ดูเถอะ ช่วยกันๆๆๆๆ"
       "จริงเหรอ นะนะนะนะนะนะนะ"ชั้นอ้อนเขาต่อด้วย ถ้าเป็นจริง ชั้นก็อยากเห็นด้วยเหมือนกันนั่นแหล่ะ จะเป็นยังไงกันนะ
       "บอกว่าไม่ไง โธ่เอ๊ยยยยย" คิลเลอร์ลากเสียงยาว และไม่สนใจต่อไป ชั้นจึงไม่ยุ่งด้วยต่อ
       "อ๊ะ ข้อนี้ตอบสามแน่นอน สาม สาม สาม อ่าว?" อุ้มเงียบ "บ้าจริง ข่าวด่วนคั่นรายการ?!? ให้ตายเถอะ กำลังลุ้นอยู่แท้ๆ"
       ดูเหมือนอุ้มจะไม่พอใจมากที่มีข่าวมาคั่นรายการ
       "เพราะอย่างงี้แหล่ะ ชั้นถึงเล่นเกมตลอด หนีจากสังคมข่าว เรื่องโหดร้ายเยอะเกิน"
       เนื่องจากว่าไม่มีไรให้ดูแล้ว พวกชั้นที่นั่งกันสี่คนจึงดูข่าวสั้นที่ออกอากาศตอนนี้อย่างจำใจ
       [ทางเราคาดการณ์ว่าคราวนี้เป็นฝีมือขององค์กรลึกลับอีกครั้งครับ ดูจากสภาพของที่เกิดเหตุแล้ว รุนแรงและป่าเถื่อนมาก เหมือนกำลังหาอะไรอยู่]
       "รุนแรงนะนั่น..."เมต้าไนท์พูด เขาหันไปมองคิลเลอร์"พี่คิดว่าไง"
       "อือ"คิลเลอร์ตอบแค่อือ เขากำลังตั้งใจดู
       "เอ๊ะ นี่แถวบ้านเราไม่ใช่เหรอ"บุ๊คที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้พูดขึ้นมา ทำไม่ทุกคนตั้งใจกันไม่เว้นแต่คิลเลอร์"ตรงตลาดที่ห่างไปอีกร้อยเมตรน่ะ"
       "เอ...ไม่คุ้นแฮะ"อุ้มตอบกลับมาอีก"รึว่าชั้นเป็นพวกนีท*ไปแล้ว"
       * - นีท =พวกที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมเรียน ไม่ยอมทำงาน - *
       "เหมือนหาอะไรอยู่เหรอ......"ชั้นพูดพึมพัมในปาก แต่ความจริงแล้วชั้นนึกถึงเด็กที่อยู่ที่ร้านดอกไม้เมื่อเช้า ทำไมถึงมีอะไรแปลกๆชอบกลอยู่ก็ไม่รู้สิ...
       หลังจากข่าวนั้นจบ ทุกคนก็มานั่งดูรายการอื่นต่อ ส่วนชั้นก็เดินลงมาข้างล่าง นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวที่ทุกคนนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
       ชั้นหยิบวาพ์บสตาร์ขึ้นมาดู และนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
       ผู้ที่สามารถล้างบาปได้...
       บาปทั้งห้า....
       เด็กคนนั้นที่ชั้นเห็นในภาพหลอน...
       ฟังเหมือนแปลกแต่ทุกอย่างเหมือนจะถูกกำหนดมาแล้วว่าทุกอย่างมันจะเป็นอย่างนี้ ชั้นไม่แน่ใจว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ชีวิตชั้น...จะเป็นยังไง ชั้นสับสนระหว่างความจริงกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทั้งที่สองอย่างนี้แทบจะเป็นอย่างเดียวกัน แทบจะไม่แตกต่างกัน เมต้าไนท์กับคิลเลอร์ทั้งคู่ก็มาจากกลุ่มองค์กรที่ตำรวจสากลไล่ล่าตามจับด้วย ถ้าเกิดพวกเขาหักหลังมาล่ะ.... แล้วถ้าดีดีดีไม่ได้เข้ามาที่ร้านของชั้นในวันนั้น เขาก็จะไม่ได้ถูกชั้นล้างบาป แล้วจะเป็นยังไง แล้วถ้าเกิดย้อนไปอีก เมต้าไนท์ไม่ได้มานอนอยู่ข้างร้าน ชั้นก็ไม่รู้จักเขา และจะไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นสินะ แสดงว่า ทุกอย่างมันถูกวางไว้ให้เป็นระเบียบหมดแล้วสิ
      "หว๋าๆๆๆๆ"
      ชั้นได้ยินเสียงๆหนึ่งจากหน้าร้าน ชาวแคปปี้ที่ตัวสีเดียวกันกับชั้น ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก และตาของเขาเป็นสีน้ำเงินประกาย ถ้าได้จ้องตา ในดวงตานั้นเหมือนจะมีดาวอยู่นับร้อยๆดวงเลย
      "ช่วยเก็บนะครับ"ชั้นอาสาเข้าไปช่วยเก็บแอปเปิ้ลที่เขาทำหล่นตามทาง ซุ่มซ่ามน่าดู
      "ขอบใจนะ" เขาตอบสั้นๆ แต่ทำไมเหมือนน้ำเสียงนี้ชั้นคุ้นจัง
      หลังจากช่วยเขา เขาก็มองหน้าชั้นใหญ่ มีอะไรรึเปล่านะ
      "ดูท่าทางมีเรื่องไม่สบายใจนี่?" เขาถามชั้นมาตรงๆ ดูออกด้วยเหรอ
      "เอ่อ..ครับ" ชั้นตอบไป "ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ.."
      "จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเล่า! ชั้นน่ะย้อนกลับมาช่วยน.....อ๊ะ!"
      "เอ๋? อะไรนะครับ?" ชั้นไม่ทันได้ฟังที่เขาพูดทำให้จับใจความอะไรไม่ได้เลย เขาเลยบอกอีกว่า
      "ช่างเถอะๆ แต่ชั้นเคยเรียนเกี่ยวกับการทำนายทายทักมาก่อนน่ะ ชั้นเลยเดาได้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจ เอางี้ ชั้นจะบอกอย่างนึงนะ อนาคตของนายน่ะ อาจจะไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่ แต่ชั้นรับประกันได้เลยว่าสนุกมากแหล่ะ"
      ชั้นไม่ทันได้ฟังอีกครั้งเพราะอุ้มเรียกให้ชั้นขึ้นไปหาก่อน ชั้นจึงรีบขึ้นไป แต่ก่อนหน้านั้นชั้นได้หันไปถามเขาอีกครั้ง
      "อ๊ะ คุณชื่ออะไรครั...เอ๊ะ?"
      เขาหายไปแล้ว...
      ไปไหนกันนะ? ช่วงเสี้ยวเวลาที่ชั้นทักอุ้มกลับไป เขาก็หายไปเสียแล้ว ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงก้าวเดิน
      น่าสงสัยแฮะ..
      ..........
      ฝั่งทางบุคคลที่สาม
      เกือบแล้วมั๊ยล่ะ กะว่าจะแวะมาคุยด้วยซักหน่อย เพลอหลุดปากออกไปได้! ซวยจริงๆ
      จะว่าไป เมื่อก่อนชั้นก็แบบนี้นี่นา คงไม่เป็นไรหรอก
      หวังว่าเท่านี้ก็ช่วยเขาได้บ้างนะ ซักนิดก็ดี
      ..........
      "มีอะไรเหรอ?"เคอร์บี้ถามอุ้มที่กำลังนั่งอยู่กับพื้น ที่เดิม ไม่มีขยับ
      "นายมาไม่ทันอีกแล้ว คิลเลอร์ยอมใจอ่อนเต้นให้ดูสิ เมต้าไนท์มองตาค้างเลย ใครจะเชื่อล่ะว่ามีคนที่ร่างกายพริ้วขนาดนี้อยู่ด้วย" อุ้มบอกเคอร์บี้
      ไม่นานนัก พวกเขาได้ยินเสียงของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในร้านดังขึ้น
       "มะ....หมายความว่าไงนะ?!?"เด็กคนนั้นพูดเสียงดัง"เธอ....."
       "คนอย่างเธอน่ะ ชั้นไม่ชอบหรอกนะ! ผู้ชายอะไรกัน"เด็กผู้หญิงอีกคนพูดแทรก ท่าทางมาด้วยกันแล้วก็ทะเลาะ
       หลังจากนั้นไม่นานเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ขว้างช่อดอกลิลลี่สีขาวใส่เขา ออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
       "เอ...นั่นคนที่อยู่ที่ร้านดอกไม้นี่นา เป็นไรมั๊......"
       เคอร์บี้ที่ไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ต้องตกใจกับตัวเด็กคนนั้น ที่ช่อดอกไม้กำลังเปลี่ยนสี--สีเทา และกลายเป็นสีดำสนิท
       "จะเอา....อย่างงั้น.....เหร.......อ"เสียงของเขาต่ำลงเรื่อยๆ เคอร์บี้ที่เขาสังเกตมาตั้งแต่อยู่ในร้านดอกไม้ก็รู้ทันที
       "เขา....เขามีบาปอยู่!!!!!!!!" เคอร์บี้ไม่ทันได้รออะไร เขารีบหยิบวาพ์บสตาร์ของเขาขึ้นมา และวิ่งไปที่เด็กชายคนนั้น ไม่ทันไรเด็กคนนั้นก็ผลักเคอร์บี้ล้มลง แรงของเขาค่อนข้างเยอะพอสมควร
       "จะเอาอย่างงั้นเหรอ......จะเอาอย่างงั้นเหรอ! จะเอาอย่างงั้นเหรอ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าาาาาาาาา!!!!!!! ใช่แล้ว....จะเอาอย่างนี้ไง!!!!!" น้ำเสียงจากเสียงอันแผ่วเบากลับกลายเป็นน้ำเสียงที่ดูบ้าเลือดขึ้นมาทันทีทันใด เด็กคนนั้นหยิบแจกันที่วางไว้บนโต๊ะมาทุบให้เป็นขวดปากฉลาม และวิ่งไปแทงเคอร์บี้
       "ด...เดี๋ยวสิ!!!!!!!" เคอร์บี้รีบคว้าวาพ์บสตาร์ขึ้นมาอีกครั้ง เด็กคนนั้นผงะ และล้มลงไปในที่สุด
       "ดูท่าจะสงบ....ลงแล้วล่ะมั๊ง...."อุ้มออกมาจากที่ซ่อน--ใต้โต๊ะ "ค่อยยังชั่ว ฟู่...."
       "โอ๊ย!" เคอร์บี้เดินเหยียบเศษอะไรซักอย่างที่อยู่บนพื้น"เจ็บๆ อะไรเนี่ย หือ?"
       สิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเศษใบมีดเล็กๆ เคอร์บี้หยิบขึ้นมาดู แล้วหันไปทางเด็กผู้ชายที่นอนสลบอยู่
       "ของเขารึเปล่านะ...."เคอร์บี้บ่นพึมพัมอีกรอบ"อ๊ะ! รึว่า....."
       ..........
       ---นา*กำ*งพย*ยา---
       ---ไ*ผ*---
       ---อีกไม่น*น น**จ**อง***ยู่*บ*น---
       ---และ**จะ***ไปแทน*นาย---
       ---เคอร์บี้---
       ..........
       "อ่า.....อืม......ม หือ?"เด็กคนที่พยายามถล่มร้านของแม่ลืมตาขึ้นมา ไม่อยากเข้าใกล้เลยแหะ แต่ก็ต้องยอม เพราะว่าเคอร์บี้ก็ลงไปเตรียมน้ำเตรียมท่ามาให้เด็กคนนี้ คนที่เคอร์บี้คิดว่าเขาเป็นที่คนที่มีบาปอีกคน
       บ้าจริง ตั้งแต่เคอร์บี้มาที่นี่ ก็มีแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิตชั้น อยากจะบ้าตาย
       "อ๊ะ ช..ไม่สิ ผม...อยู่ไหนเนี่ย?"เด็กคนนั้นทักชั้นมาแล้ว ไม่กล้าตอบกลับแหะ
       "ร้านขายขนมปังที่นายก่อเรื่องนั่นแหล่ะ ชั้นชื่ออุ้ม นายล่ะ"ชั้นตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ใจดีให้เขา ปกติชั้นก็ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ด้วยสิ
       "บานดาน่า....แล้วที่เมื่อกี๊ที่บอกว่าผมก่อเรื่อง....."
       บานดาน่าถามชั้นด้วยสายตาที่ขุ่นมัว ชั้น...ควรจะโกหกรึว่าบอกความจริงดีล่ะ?
       แต่ชั้นก็เป็นคนตรงไปตรงมาด้วยสิ
       "นายน่ะ อยู่ๆก็เอาแจกันในร้านมาไล่แทงเพื่อนชั้น ดีนะ เขาไม่เป็นอะไร เขาเอาวาพ์บส...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกนะ..."ชั้นเกือบหลุดปากไปแล้วสิ
       "โกหก...."
       จู่ๆ บรรยากาศรอบข้างก็มืดมนทันที อะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้....
       "แก...โกหก....."
       " ชั้นไม่ได้โกหกนะ!!!" ชั้นรีบขึ้นเสียงตามพื้นฐานของชั้นทันที
       "เหรอ....หึ...."
       บานดาน่าลุกจากเตียง เดินมาหาชั้นช้าๆ แต่ท่าทางน่ากลัวแบบนั้น ทำไมขาชั้นไม่ยอมถอยออกมาจากตัวเขา
       "ตายไปซะ.....คนแบบนี้น่ะ.....ตายซะ!!!!!!!!"
       "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
       
      

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 6 : แสงสว่างกับความมืด (2)

      *จะเปลี่ยนคำว่า ฉัน เป็น ชั้น นะขอรับ*

      "จะดีเหรอครับ ที่พาผมไปหาพี่น่ะ...."
      ชั้นได้ถามคุณพ่อบ้านของดีดีดี ลูกคุณหนูที่ชั้นเพิ่งรู้จักได้ไม่นานมานี้ วันนี้เคอร์บี้ไม่ได้ตามมาด้วย เพราะเขาต้องอบขนมปังออกไปส่งขายในห้างแทนช่วงสัปดาห์นี้ ทั้งหมดมันเป็นความผิดชั้นเองที่ชั้นมาอยู่กับเขา พี่ชายชั้นที่ชื่อว่า คิลเลอร์ พี่ตามหาชั้นเจอหลังจากที่ชั้นหนีออกมาจากสถานที่นั้นได้อีกอย่างก็คือ พี่แทบจะจำชั้นไม่ได้ด้วย เป็นเพราะดาบแห่งความแค้น ให้ตายสิ ชั้นนี่มันเป็นน้องที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ตอนเด็กๆชั้นให้พี่ช่วยตั้งหลายครั้ง แต่ชั้นกลับช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย ชั้นพยายามเลียนแบบพี่มาตลอด แต่ตอนนี้ชั้นต้องตัดใจแล้วตามที่เคอร์บี้บอกสินะ
       "ดีแล้วล่ะ นายน่ะจะได้ถามพี่นายด้วยไม่ใช่เหรอ เมต้าไนท์?"
       ดีดีดีหันมาพูดกับชั้น เขาเป็นคนที่เคอร์บี้ได้ช่วยเอาไว้ เพราะเขาเองก็เป็นคนนีงที่ถูกบาปแห่งความตะกละเข้าสิง แล้วพอเขาหลุดได้ ช้อนแห่งความตะกละก็ได้กลายเป็นวาพ์บสตาร์ที่คล้ายกับของเคอร์บี้ แต่ของเขาเป็นสีฟ้า คุณพ่อบ้านเอสโซ่จึงมั่นใจว่า ถ้าชั้นหลุดออกมาได้ ชั้นก็จะมีวาพ์บสตาร์นั่นเหมือนกัน
       แต่ว่า..แน่ใจเหรอ ว่าชั้น....จะสามารถออกมาได้?
       พ่อแม่ของชั้นตายตั้งแต่ชั้นยังเด็กๆ และก็มีคนพาชั้นกับพี่อีกสองคนมาอยู่ที่บ้านอุปการะ...แต่ก็ไม่ใช่ว่าบ้านหรอกนะ เพราะว่าสถานที่ที่ชันได้เดินทางไปกลับเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งที่นี่มาก ตัดขาดจากโลกภายนอก เมื่อชั้นไปถึง ชั้นก็เกิดความรู้สึกกลัว กลัวจนไม่อยากจะทำอะไร จนพี่คิลเลอร์บอกว่า
       'นี่! นายน่ะ ใส่เจ้านี่ไว้สิ นายอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ'
       เจ้านี่ที่พี่บอกก็คือหน้ากากที่ชั้นใส่อยู่ตอนนี้ ถึงแม้ว่าชั้นจะหนีออกมาจากที่นั่น แต่ถ้าใส่หน้ากากนี่อยู่ มันทำให้ชั้นอุ่นใจมาก เพราะว่านี่เป็นหน้ากากที่พี่ให้มารึเปล่านะ?
       "เฮ้! เมต้าไนท์..เฮ้!!!"
       ชั้นสดุ้ง ดีดีดีเรียกชั้นเสียงดังมาก
       "เอ...เอ่อ...ขอโทษนะ! หว๋าๆๆๆๆ!"ชั้นรีบพูดขอโทษแต่ก็เผลอดึงผ้าคลุมที่ชั้นสวมมันไว้อยู่บวกกับรถเบรกกะทันหันด้วย ทำให้ชั้นล้มลงไปอยู่กับพื้นเบาะรถข้างล่าง
       "ฮาฮ่าฮาาาาาาา!!!!!!!!!!!!"ดีดีดีหัวเราะใหญ่"นายนี่มันตลกจริงๆเลยนะ!"
       ชั้นได้แต่ค่อยๆลุกขึ้นและทำหน้างอนๆ มีใครที่ไหนเขาล้อกันเวลาคนอื่นล้มล่ะ ฮือ แต่ก็อายเหมือนกันนะ
       "อ๊ะ ขอโทษๆ ชั้นอยากจะถามว่านายจะเอาอะไรมั๊ย เดี๋ยวชั้นจะไปซื้อจากร้านขายของตรงนั้นก่อน พอดีเข้าปั๊มมาเติมน้ำมันเลยจะซื้อของด้วยเลย"
       "ไม่เอาหรอก ไม่เป็นไรๆ"ชั้นตอบดีดีดีไปอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วตอนนี้ชั้นคอแห้งเป็นผงเลยมั๊ง
       "เอาเถอะน่า งั้นชั้นซื้อน้ำผลไม้ให้ละกัน"ดีดีดีบอกอย่างนั้น ท่าจะรู้ว่าชั้นคอแห้งสินะ ว้า ชั้นนี่มันเป็นคนที่ทำอะไรให้คนอื่นจับได้ง่ายจังเลย
       ประมาณห้านาทีต่อมา ดีดีดีเดินออกมาจากร้านขายของ ยื่นน้ำลิ้นจี่กระป๋องมาให้ชั้น ส่วนเขาก็เป็นน้ำส้ม
       "น้ำส้มนี่มันน้ำนางเอกสุดๆเลยว่ามั๊ย ฮ่าฮ่าฮ่า"ดีดีดีหัวเราะ ชั้นก็ได้หัวเราะแห้งๆตามน้ำไปด้วย
       จะว่าไปแล้ว พี่ชั้นก็ชอบไปเก็บผลไม้จากป่ามานั่งกินด้วยกัน พี่เป็นคนที่แสนดีมากเลย แต่ตั้งแต่ตอนที่เขาไปพบกับคนที่ชั้นหนีมาตลอด พี่ก็เปลี่ยนไป ทำไมถึงตอนเป็นพวกเราด้วยนะ
       เดี๋ยวๆ
       ชั้นกินลิ้นจี่ไม่ได้นี่นา
       "เอ่อ ชั้นกินพวกลิ้นจี่ไม่ได้น่ะ"ชั้นบอกดีดีดี"ถ้าไม่ว่าอะไร...."
       "เอาสิๆ ชั้นนึกว่านายจะไม่แพ้อะไรพวกนี้ซะอีกนะ"ดีดีดีเอาน้ำส้มมาเปลี่ยนกับน้ำลิ้นจี่ของชั้น และเขาก็เปิดกระป๋องออกมาดื่นอย่างสบายใจ"ใกล้ถึงยังครับ คุณพ่อบ้าน"
       ทันใดนั้นตอนนั้นคุณพ่อบ้านก็เลี้ยวรถ บอกว่าถึงพอดี ชั้นเคยมากับเคอร์บี้ แต่ก็ไม่เคยได้เห็นตึกข้างหลังเลย คุณพ่อบ้านบอกว่า ตึกข้างหลังเป็นตึกที่ไว้ใช้สอบสวนต่างๆ พี่ก็คงอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แสดงว่าพี่ชั้นก็คงต้องถูกสอบสวนด้วยสินะ แล้วก็ต้องไปสถานพินิจของเด็กด้วยสิ
        "เข้าไปกันเถอะครับ เห็นว่าหนูฟูมุเค้าพาพี่ชายฝาแฝดเธอมาที่ห้องใกล้ๆนี้ด้วย"พ่อบ้านบอกกับชั้น ดีดีดีกำลังเอากระเป๋าสะพายออกมาจากหลังรถ
        "...คะ...ครับ"ชั้นตอบกลับ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ชั้นยังกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับพี่ได้ ทางเดินปูด้วยพรมสีเทา แต่ดูสะอาดตากว่าที่เห็น หน้าต่างที่อยู่ระดับกลางๆ พอให้ชาวแคปปี้เห็นได้ แจกันที่มีดอกไม้สีน้ำเงินกับเทาวางเอาไว้ชวนให้หดหู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วจัดแบบให้อารมณ์เศร้าๆ ท้องฟ้าก็เริ่มเป็นสีเทาตาม พายุคงกำลังจะมาอีกรอบสินะ
        "อ้าว หนูฟูมุ"พ่อบ้านทักหญิงสาวที่ยืนหน้าห้อง"พามาแล้วล่ะ เอาไงต่อเหรอ"
        คุณฟูมุมองดูชั้นด้วยสายตาอ่อนโยนปนสงสาร นั่นสินะ ชั้นมันน่าสงสารนี่นา
        "เมต้าไนท์"คุณฟูมุบอกกับชั้น"เธอเข้าไปคนเดียว...ไหวมั๊ย?"
        คุณฟูมุถามชั้น ทำยังไงดีล่ะ พอยืนอยู่หน้าห้องที่พี่อยู่ก็รู้สึกไม่อยากเข้าไป เพราะชั้นกลัวพี่มากในตอนนี้ พี่คงกำลังหงุดหงิดสุดๆ อีกอย่าง ชั้นไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงด้วยสิ
        "..เอ่อ...ไหวครับ ไหว" ชั้นพูดโกหกไป ทั้งที่รู้ว่าไม่ไหว แต่ทำไม...
        คุณฟูมุเปิดประตูให้ชั้นเข้าไป และปิดประตู หลังจากนั้นชั้นก็เห็นพี่ยืนมองดูนอกหน้าต่างอยู่
        "ฝนเนี่ย ทำให้หดหู่ใจเน๊อะ...."ชั้นเป็นฝ่ายทักไปก่อน"พี่ว่ายังไงเหรอ.."
        พี่ยืนเงียบ ฝนเริ่มรินลงมาแล้วเบาๆ
        "พี่ครับ ที่ผ่านมา...ผมเองก็นึกถึงพี่มาตลอดนะ"
        พี่ก็ยังคงเงียบต่อไป ฝนเริ่มแรงขึ้น
        บรรยากาศในห้องมืดอยู่แล้ว พอมาเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เครียดเข้าไปกันใหญ่
        "พี่ครับ ผมน่ะ...เอ่อ...ผมน่ะ ไม่ใช่สิ พี่ ผมว่าเราคืนดีกันเถอะนะ"
        ทันใดนั้น ฝ่ามือของพี่ชายฝาแฝดของชั้นก็ฟาดมาตรงหน้ากากเต็มๆทำให้หน้ากากชั้นหลุดออกมา พี่หันมาแล้ว แต่เขากลับส่งเสียงด่าทอขึ้นมาดังว่า
        "เจ้าคนสวมหน้ากากเอ๊ย แกเองก็คงจะหวังว่ามีโอกาสมาฆ่าชั้นเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ!!"
        ชั้นไม่จะเชื่อว่า คำพูดนั้นจะเป็นของพี่ชายตัวเอง
        "ยิ่งมาใส่หน้ากากเหมือนกันแบบนี้ ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปกันใหญ่ พอใจแล้วสิ! สวมบทบาทคนอื่น! แสดงเป็นคนอื่น! ได้ผลประโยชน์กลับมาหาตัวเอง! พอลำบากก็กลับมาตายที่ชั้น! เจ้าบ้าเอ๊ย!!! อยากไปไหนก็ไปเลย!!!"
        หลังจากที่พี่สบทคำด่าทอมา ฝนนั้นก็กลายเป็นพายุห่าใหญ่ ตกลงมาอย่างแรง ชั้นที่นั่งกับพื้นเพราะแรงฟาดของพี่ ค่อยๆหยิบหน้ากากมาใส่ใหม่ และรีบผลักประตูออกไปโดยไม่สนใจคำของดีดีดี พ่อบ้านที่รออยู่ข้างนอก ชั้นวิ่งกลางสายฝนกลับไปที่ชายหาดที่ชั้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ โชคดีที่ชั้นยังพอจำทางได้ แต่ตอนนี้ชั้นเปียกโฉกหมดแล้ว อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชั้นเริ่มหนาวสั่น นี่ชั้นวิ่งหนีออกมาแบบไม่ได้คิดอะไรเลยซักอย่างใช่มั๊ยเนี่ย
        ไฟข้างถนนติดขึ้นมาเกือบหมด นี่ค่ำเลยเหรอ หลังจากที่วิ่งมาได้ครึ่งทาง ชั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นเดินแทน ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ ชั้นก็ยังหนาวต่อไป ไม่แน่ตอนนี้ชั้นอาจกำลังจะเป็นไข้ขึ้นมา ในที่สุดชั้นก็มาถึงที่ร้านขายขนมปัง
         "เมต้าไนท์!!!"เสียงของบุ๊คดังขึ้น"ทำไมนายถึงไม่นั่งรถกลับกับดีดีดีล่ะ เขาเล่าให้ฟังหมดแล้วนะ!"
         บุ๊ครีบไปเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมชั้น ชั้นเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
         "ตัวร้อนจี๋เลย พวกอุ้ม แม่ แล้วก็เคอร์บี้ติดอยู่ที่ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ในเมืองนู้น ทำไงดีล่ะ เดี๋ยวชั้นไปชงโกโก้ร้อนมาให้นะ"
         ในตอนนั้นเองที่ชั้นก็ผลอยหลับไปเพราะว่าเหนื่อยบวกกับที่ชั้นเป็นไข้ด้วย เสียงรอบๆข้างตัวก็ค่อยๆเบาลงไป เบาลงไป....
         ..........
         'เมต้าไนท์ วันนี้ชั้นเอาผลไม้มาให้นายกินด้วยนะเอามั๊ย'
         'ว้าว พี่ครับ ขอบคุณนะ'
         'ขะ..ขอบคุณทำไมเล่า!!! ชั้นแค่เอามาเผื่อเท่านั้นเอง!'
         'พี่ยังปากแข็งเหมือนเดิมเลยนะ แต่ช่างเถอะ แค่พี่เอามาให้ แม้ว่าไม่เต็มใจ แต่ผมก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะ!'
         ..........
         ตอนนั้น...ที่พี่เอาผลไม้ที่เก็บมาให้ ชั้นก็ดีใจมากนี่นา คิดถึงจัง...
         ..........
         'เมต้าไนท์ วันนี้จะเล่นอะไรดีล่ะ'
         'ไม่หรอก พี่ แค่ผมอยู่กับพี่ ผมก็มีความสุขแล้ว!'
         ..........
         ตอนนั้น ที่พี่ชวนเล่นด้วย แต่ชั้นบอกว่าแค่อยู่ด้วยกันก็มีความสุขนี่
         ..........
         'พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่มั๊ย เมต้าไนท์!'
         ..........
         !!!
         ทำไมถึงมีความรู้สึกอบอุ่นไหลเข้ามากันนะ? สิ่งที่พี่พูดแต่ละอย่างมันส่งผลให้ชั้นมีกำลังในการอยู่ต่อไป ชั้นคอยตามหลังพี่ เพราะไม่กล้าจะทำอะไร วันนี้ที่พี่ตบหน้าชั้น เพราะว่าพี่เค้าห่วงเรา ไม่อยากให้เข้าใกล้สินะ กลัวว่าเพราะเค้าจะไปทำอันตรายให้น้องสินะ พี่ครับ...
         พี่
         คราวนี้
         ให้ผมเป็นฝ่ายที่จะไปช่วยพี่บ้างนะ
         ..........
         "กลับมาแล้ว!!!" เสียงของอุ้มดังมาแต่ไกล "ให้ตายสิ ฝนบ้าบอ ทำชั้นเกือบกลับไม่ได้!"
         "เอ๋? เมต้าไนท์" เคอร์บี้ที่เดินถือของมาด้วยความเปียกปอนเห็นเมต้าไนท์นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับคลุมผ้าห่มผืนใหญ่
         "โทษทีๆ วันนี้ชั้น...วิ่งกลับมาน่ะ" เมต้าไนท์หันมา หัวเราะแห้งๆ "แต่ก็ไม่เป็นไรมากหรอกนะ ไม่ต้องห่วง แล้วก็..."
          เมต้าไนท์เอาสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าห่มออกมาให้ทุกคนเห็น
          "หาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!"
          ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน เพราะสิ่งที่เมต้าไนท์ถือนั้นก็คือวาพ์บสตาร์สีม่วงจางนั่นเอง
          "เมต้าไนท์....สุดยอดไปเลย!!!!" เคอร์บี้ยิ้มกว้าง "แสดงว่านาย...."
          "อื้ม!!!" เมต้าไนท์ตอบสั้นๆ "ชั้นมั่นใจแล้วล่ะว่าชั้นเป็นคนอย่างไง"
          "ยังไงล่ะ?" บุ๊คถามเชิงล้อเล่นกับเมต้าไนท์
          "อ๊ะ เอ๋?!?" เมต้าไนท์ตอบไม่ได้ทันที "คือ คือแบบว่า แบบว่า..."
          "นั่นแหล่ะนาย!!!" บุ๊คเดินเข้ามาตบหลังเบาๆ "เมต้าไนท์จอมเป๋อๆ แต่ก็แคร์คนอื่นกว่าตัวเองเสมอ!"
          "เป๋อเหรอ?!?" เมต้าไนท์ดูหน้าซีดลงไป เขาตกใจกับคำพูดของบุ๊ค
          "เอาน่าๆ นายไม่ค่อยสบายไม่ใช่เหรอ นอนก่อนเถอะ ไปๆ" บุ๊คไล่ให้เมต้าไนท์ไปนอนบนห้อง ส่วนคนอื่นก็ไปเช็ดตัว แล้วก็เข้าห้องครัววางของ
          ..........
          "นายแน่ใจเหรอ ว่าครั้งนี้ได้แน่นอน" ดีดีดีถามเมต้าไนท์ "พี่นายยิ่งกำลังหงุดหงิดด้วยนี่นา"
          "ดีดีดี ครั้งนี้ชั้นไม่ใช่คนเดิมเหมือนเมื่อวานแล้วนะ คราวนี้ชั้นมั่นใจมากกว่าเดิม ไม่สิ ชั้นทำได้แน่ๆ!"
          ชั้นมั่นใจกว่าครั้งก่อนมาก เพราะว่าตัวชั้นได้หลุดจากบาปนั่นมาแล้ว ด้วยตัวเอง ฉะนั้นชั้นต้องช่วยพี่เค้าด้วย เพื่อเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
           "งั้น....ชั้นไปล่ะนะ"
           "ระวังพี่นายด้วยนะ"
           ชั้นเดินเข้าไปในห้องเดิมกับเมื่อวาน ฟ้าก็ยังคงครื้มเหมือนเดิม พี่ชั้นยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เหมือนมองอะไรซักอย่าง
            "ต้องการอะไรอีกล่ะ" พี่ถามด้วยเสียงห้วนๆ "ยังไม่พอใจอีกเหรอ"
            "พี่!" ชั้นรีบพุ่งเข้าไปกอดพี่ทันที แล้วน้ำตาของชั้นก็ไหล "พี่ ผมรอดออกมาแล้วนะ บาปที่ติดตัวมานั่นน่ะ ผมหลุดแล้วนะ!"
            "ว่าไงนะ" พี่แทบไม่เชื่อหู เขาดูพงะชั่วครู่ "ได้ยังไง"
            "ด้วยตัวเองไงพี่ ผมน่ะนะ ผมนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนที่เราอยู่ด้วยกันขึ้นมา แล้วผมก็...ไม่ดีกว่า เก็บไว้แบบนี้แหล่ะ พี่ครับลองแตะนี่ดูสิ" ชั้นหยิบวาพ์บสตาร์ขึ้นมา พี่ชั้นมองด้วยความลังเล ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกัน
             ในที่สุด พี่ชั้นก็เลือกที่จะแตะมัน
              ..........
              "เอ่อ ทุกคน พี่เค้าจะมาหลบอยู่ที่นี่ด้วยนะ ส่วนเรื่องค่าต่างๆนี่ เดี๋ยวจะทำงานชดเชยให้นะ" เมต้าไนท์บอกทุกคนที่ยืนอยู่ในห้อง ทุกคนจึงมองมาที่พี่ชายฝาแฝดของเมต้าไนท์ คิลเลอร์
              "พึ่งพาคนอื่นเยอะเกินไปแล้วนะ" คิลเลอร์พูดกับเมต้าไนท์ "เดี๋ยวก็ติดนิสัยหรอก"
              "แม่ไม่ได้ว่าอะไรหรอกจ่ะ อยู่ได้เท่าที่ชอบเลย เรื่องค่านู่นนี่ ไม่จำเป็นก็ได้นะ อุ้มกับบุ๊คคเค้าทำอยู่แล้ว"
              "จริงเหรอครับ ขอบคุณนะครับ" คิลเลอร์มองดูวาพ์บสตาร์สีเทาอ่อน "เมต้าไนท์ เพราะนายแท้ๆเลยนะ ขอบใจมาก"
              "อะไรกันพี่ ผมก็แค่...อย...อยากช่วยพี่เองนะ" เมต้าไนท์เขินๆ เขาบิดตัว
              "เฮ้ๆ ดูนี่สิ คิลเลอร์คุงผู้เป็นคนปากไม่ตรงกับใจ" เสียงดีดีดีดังขึ้นมาจากข้างหลัง คิลเลอร์จึงรีบหันไปมอง
              "ว่าไงนะ!!! มะ..ไม่ใช่ซักหน่อย!!!" คิลเลอร์รีบกลบเกลื่อนทันที แสดงว่าเขานิสัยแบบนั้นจริงๆ
              "ใจเย็นๆ เอาล่ะ งั้นวันนี้ให้ชั้นเลี้ยงเนื้อย่างทุกคนดีมั๊ย ฉลองเนื่องในวันที่เมต้าไนท์กับคิลเลอร์ได้อยู่ด้วยกันแล้วไง!"
              "จะดีเหรอ" เมต้าไนท์ถาม
              "ดีสิ!" ดีดีดีลากเคอร์บี้มา "เคอร์บี้ยังตกลงแล้วเลย!"
              "เอ๋ ตอนไหนอ่ะะะะะะ" เคอร์บี้มองหน้าดีดีดี "ช่างเถอะ งั้นก็ไปกินกันดีกว่าเน๊อะ แต่ว่านายจ่ายนะ"
              ทุกคนเดินขึ้นรถของดีดีดีที่มีพ่อบ้านขับอยู่ เมต้าไนท์กับคิลเลอร์เดินตามหลังไป
              "พี่ครับ ไปพร้อมกันเถอะนะ!"
              "อ..อื้ม!"
               ..........
              "ว่าไงนะ!!! จะ...จะเลิกกับชั้นเหรอ!"
              "อือ ชั้นเจอคนใหม่ที่ใช่กว่านายแล้ว นายน่ะ ไปซะเถอะ"
              ".....ชิ"
              บริเวณแถวนั้นมีร้านดอกไม้ ซึ่งเด็กชายชาวว๊าดเดิ้ลคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ เขาถือดอกกุหลาบสีส้มเอาไว้ในมือขณะที่เด็กผู้หญิงอีกคนเดินหนีจากเขาไปกับเด็กชายอีกคน
              "จะเอา...อย่างงั้นเหรอ....."
               ดอกกุหลาบในมือของเขาค่อยๆเปลี่ยนสี จากส้มกลายเป็นดำสนิท...
     

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 5 : แสงสว่างกับความมืด (1)

      "อือ....."
      "มีอะไรเหรอ?"
      ฉันถามเมต้าไนท์ เขาถอนหายใจ เหมือนจะมีอะไรไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
      "ฉันอยู่ที่ร้านนี้มาหลายวันแล้วนะ แน่ใจเหรอว่าจะไม่เป็นอะไรจริงๆน่ะ ถ้าเกิดคนจากองค์กรนั้นตามมาเจอ ฉันก็พาพวกนายลำบากด้วยสิ บางทีตามพวกตำรวจว่าไปอยู่ด้วยทีแรกยังดีกว่า"
      เมต้าไนท์บอกฉัน ฉันก็ทำได้แค่พยักหน้าอ่ะนะ แต่เขาก็เป็นคนที่บอกว่าจะปกป้องฉันเองนี่นา
      "จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ทำไมเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะเลย ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่"ฉันบ่นบ้าง"รึว่าเพราะสภาพแวดล้อม"
      ..........
      "!"
      เมต้าไนท์หันซ้ายขวา มองรอบๆร้านที่เขากับเคอร์บี้ยืนอยู่
      "นายได้ยินเสียงอะไรมั๊ย"เมต้าไนท์ถามเคอร์บี้"เหมือนมีใครมาแอบมองดูพวกเราเลย"
      "หือ ไม่นิ"เคอร์บี้ตอบ"คิดมากเองมั๊--"
      "ชู่ว"เมต้าไนท์ปิดปากเคอร์บี้ เขาหันซ้ายขวาอีกรอบ แล้วเขาก็สดุ้ง
      "ไม่นะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ"
      มีเสียงดังขึ้นมาเหมือนมีกระจกแตก กระจกบานนั้นเป็นกระจกหน้าร้านนั่นเอง เมต้าไนท์รีบพาเคอร์บี้ออกจากครัวมาดูทางหน้าร้าน เจ้าของร้านมองบุคคลที่เพิ่งพังกระจกเข้ามา สีหน้าหวาดกลัว ส่วนที่พังเข้ามานั้นเป็นชาวแคปปี้เหมือนกับเขา มีอีกคนที่ยืนข้างๆคนนั้น เป็นมนุษย์ทั่วๆไป แต่ที่แปลกคือ
      ชาวแคปปี้คนนั้นใส่หน้ากาก..ทุกอย่างเหมือนเมต้าไนท์ ยกเว้นสีตัวที่เป็นสีเทา ส่วนคนนั้นสวมผ้าคลุมสีดำสนิท และมีดวงตาสีแดงหน้ากลัว
      "ไม่จริงน่า-----"
      เมต้าไนท์มอง หน้าตาเขาตื่นผวามาก
      "พวกคุณเป็นใครกันน่ะ!!!"
      เคอร์บี้ตะโกนใส่กลุ่มคนที่พังกระจก
      "พวกฉันเป็นใคร...มันไม่สำคัญหรอก...แต่สิ่งที่ฉันจะทำคือฉันต้องพาเมต้าไนท์กลับไป....เมต้าไนท์....กลับมาสิ....กลับมาสู่แดนที่ท่านผู้นั้นได้สร้างเอาไว้.....ท่านผู้นั้นให้อภัยนาย...."
      ชาวแคปปี้คนนั้นเรียกเมต้าไนท์ แต่เมต้าไนท์ทรุดตัวลงและกุมหัว
      "ไม่! ฉันจะไม่กลับไปอีก! ฉัน..ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ!"
      เมต้าไนท์ยังคงนั่งทรุดตัวลงอยู่กับที่ ชาวแคปปี้คนนั้นเลยเดินเข้าไปใกล้เมต้าไนท์ แล้วหันไปพูดกับคนที่มาด้วย
      "ท่านรองหัวหน้า ทางนี้ให้ผมจัดการเองเถอะ ท่านไปตามหาพี่ของหมอนี้แล้วกำจัดมันซะ"
      "แน่ใจเหรอว่าทำได้น่ะ"
      คนที่เป็นรองหัวหน้าพูดถามเชิงข่มความสามารถ
      "ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถึงจะอายุเท่ากับเขาก็เถอะ..."
      ชาวแคปปี้พูดกับรองหัวหน้า
      "เอางั้นก็ได้ สำหรับร้านนี้ กระผมคงต้องเอาออกจากรายการที่จะพาเข้าไปอยู่ในดินแดนที่วิเศษแห่งนั้นละกัน..."
      "เอ๋"เจ้าของร้านงุนงง
      เมต้าไนท์ค่อยๆลุกขึ้นแล้วหลบหลังเคอร์บี้ เคอร์บี้สังเกตว่าเมต้าไนท์ดูเหมือนจะกลัวชาวแคปปี้คนนี้มากเลยทีเดียว
      "มาสิ....มาด้วยกัน...."ชาวแคปปี้คนนั้นพูดชวนอีกครั้ง"ปกตินายก็ชอบไม่ใช่เหร---"
      "ไม่ใช่! ยังไงฉันก็ไม่ไป! ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว! นายพอเถอะ คิลเลอร์!"
      เมต้าไนท์เรียกชาวแคปปี้คนนั้นว่าคิลเลอร์ ทำให้เขามองด้วยสายตาที่น่ากลัวอีกรอบ
      "ฉันบอกว่าห้ามเรียกชื่อฉันไม่ว่าจะมีอะไร....นายต้องเรียกฉันว่ารองบอสสิ...."คิลเลอร์พูด"นายมันก็แค่คนในองค์กรระดับล่าง....แต่ถ้ามากับฉัน ฉันอาจจะดันนายขึ้นมาเป็นรองบอสด้วยก็ได้นะ...."
      "พี่พอได้แล้วนะ!!!"
      ..........
      เอ๋..เอ๋!?!
      เมต้าไนท์เรียกคนที่ชื่อว่าคิลเลอร์ว่า พี่ งั้นเหรอ
      เดี๋ยวนะๆ มันเกิดอะไรขึ้น
      แต่ทั้งสองคนดูคล้ายกันมากเลย รึว่า...
      ตอนนั้นเมต้าไนท์บอกว่า มีเด็กโตมาด้วยกันกับเขาอีกคนนึง จะเป็นคนนี้?
      แต่ทำไมเขาถึงนึกได้เฉยๆล่ะ
      ฉันได้แต่มองเมต้าไนท์เรียกพี่ให้กับคิลเลอร์ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แล้วฉันก็นึกได้ว่า ฉันมีวาพ์บสตาร์อะไรนั่นอยู่บนห้อง แต่ตอนนี้ก็ขึ้นไปเอาไม่ได้ เพราะมีคิลเลอร์คอยมองตลอดเวลา เจ้าของร้านก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกำลังยืนอึ้งอยู่ ส่วนเมต้าไนท์ก็คงจะไม่ได้อีก เพราะเขาได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน ไหนบอกว่าจะปกป้องฉันไง
      ..........
      "พะ...พี่ งั้นเหรอ?"
      "ตอนที่ฉันบอกว่าฉันโตขึ้นมากับเด็กอีกคน แต่จำไม่ได้แล้ว ก็คิลเลอร์..พี่นี่แหล่ะ ความจริงเขาเป็นพี่ชายฝาแฝดกับฉัน ฉันบอกว่าจำไม่ได้ ก็คือพี่ในตอนนี้ ฉันจำได้แต่พี่ในความทรงจำตอนเด็กๆของฉันเท่านั้น..."เมต้าไนท์บอก"พี่พอเถอะนะ ยังไงเราก็ยังเป็นฝาแฝดกันอยู่น่ะ..."
       "ฝาแฝดเหรอ....ตอนนี้มันไร้ค่าไปแล้ว! ไร้สาระสิ้นดี!"คิลเลอร์พูดกระแทกเสียงแต่น้ำเสียงนั้นกลับปนไปด้วยความหวั่นไหวไม่น้อย"มากับฉันเดี๋ยวนี้นะ!"
       "พอเถอะพี่! อย่าให้เจ้านั้นมันมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราสิ!"
       เมต้าไนท์มองไปที่ดาบของคิลเลอร์ เขาใช้มันพังประตูเข้ามา ดาบนั่นดูมีรัศมีมืดมิดเต็มไปหมด
       "ผมได้ยินมาจากพวกตำรวจสากลเรื่องสิ่งของที่ทำให้มีบาปติดตัวได้...แล้วก่อนหน้านี้ก็มีเด็กคนนึงเหมือนกับเรา...เขาติดบาปพวกนี้อยู่ไง!"
       เมต้าไนท์บอกคิลเลอร์ เคอร์บี้ที่ยืนอยู่ได้โอกาส จึงรีบวิ่งขึ้นไปบนร้านเพื่อไปเอาวาพ์บสตาร์
       "บาป....งั้นเหรอ..."คิลเลอร์ทวน"ฉันไม่มีอะไรที่ต้องมาติดสิ่งที่ไร้สาระพรรณนี้หรอก"
       "พี่จะว่ามันไร้สาระไม่ได้นะ เพราะคนที่ช่วยให้เด็กคนนั้นหลุดออกจากบาปได้น่ะ คือคนที่ผมหลบหลังเมื่อกี๊ไง!!!"
       "....งั้นเหรอ....จังหวะดีเลย งั้นกำจัดมันไปด้วยละกัน...."
       "ขอร้องล่ะพี่ ถ้าจะฆ่าเขา ก็ฆ่าผมไปก่อนสิ!!!"เมต้าไนท์พูดออกมา เคอร์บี้ที่เดินลงมาพอดีเห็นเข้า ทำให้เขาตกใจมาก
       "เมต้าไนท์! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ เอาตัวเองมาเสี่ยงแทนคนอื่นยังงี้มัน..."
       เคอร์บี้หยุดไป วาพ์บสตาร์ส่องแสงอีกครั้ง คราวนี้เมต้าไนท์ที่อยู่ข้างๆเคอร์บี้มองด้วย
       "ขอร้องเถอะนะ วาพ์บสตาร์! ช่วยพี่ฉันด้วย! ขอร้องเถอะ ขอร้อง!"
       ทันทีที่เมต้าไนท์พูดจบ แสงวาพ์บสตาร์นั้นได้จางลงไป และดับลง
       "ทำไมล่ะ? ทำไม พี่ฉันกำลังแย่นะ!"เมต้าไนท์มองวาพ์บสตาร์ที่เคอร์บี้ถืออยู่ เขาทรุดลงกับพื้นอีกรอบ"พี่ฉัน....ได้โปรดเถอะ...รึว่าฉันเองก็เป็นคนที่ไร้ค่าคนนึงบนโลก...บาปแห่งการมีตัวตนที่ฉันติดมางั้นเหรอ....ดาบแฝดที่ทำให้ฉันกับพี่ต้องมาแตกแยกกันงั้นเหรอ....ตอนนี้....ฉันมันก็แค่คนที่ไร้ค่าเท่านั้นใช่มั๊ย"
       "เมต้าไนท์..."เคอร์บี้เมต้าไนท์"ใจเย็นๆไว้ก่อนสิ..."
       "ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ!"คิลเลอร์ตะโกนออกมา"ชิ!ฉันให้เวลาเอาไว้ก่อนก็ได---เอ๊ะ!"
       คิลเลอร์ที่กำลังจะวิ่งออกจากร้านได้นิ่งลงเมื่อเห็นกับกลุ่มคนที่ยืนมุงกันเต็มร้าน
       "ชิ...คนเต็มไปหมด...ตำรวจใช่มั๊ยล่ะ"
       เหล่าคนที่ยืนมุงร้านอยู่ต่างก็พยักหน้ากันพร้อมเพรียง คิลเลอร์จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และยื่นมือออกไป
       "เอาสิ จับฉันเลย ยังไงฉันก็ไม่ถูกกับแกอยู่ เจ้าพวกตำรวจงี่เง่า บอสถึงไม่พาพวกแกไปอยู่ด้วยไง"
       ..........
       ฉันเห็นคนที่เมต้าไนท์พูดว่าเป็นพี่ชายของตัวเองถูกจับใส่กุญแจมือ เขามองมาทางฉันด้วยสายตาที่อาฆาตมาก ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมต้าไนท์กับคิลเลอร์เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แล้วทำไมคิลเลอร์ถึงต้องทำอย่างนี้กับน้องชายตัวเอง แต่เหมือนเมต้าไนท์บอกว่า พวกเขาทั้งคู่ก็มีบาปที่ติดมาเหมือนกัน เรื่องนี้มันแปลกๆนะ
       คนรอบข้างฉันทำไมถึงมีบาปอะไรนั่นล่ะ
       ซึ่งที่ตำรวจสากลที่ชื่อว่าฟูมุพูดกับสิ่งที่พ่อบ้านเอสโซ่อดีตตำรวจสากลเล่ามา เรื่องบาปกับคนที่สามารถล้างอะไรนั่น ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ
       แต่ตอนนี้มันต้องมีอะไรซักอย่างที่เชื่อมโยงกัน และมันก็เชื่อมมาที่ฉันในฐานะคนที่สามารถล้างบาปพวกนั้นได้ ทำไมฉันถึงเป็นคนๆนั้นนะ
       พระเจ้าเลือกฉันเหรอ
       ตอนนี้เมต้าไนท์ได้แต่นั่งทรุดอยู่กับที่ เจ้าของร้านได้เดินเข้ามาปลอบ แล้วพูดว่า คงจะเสียขวัญอะไรทำนองนั้น ผ่านไปซักสามสิบนาที อุ้มกับบุ๊คก็กลับมาร้าน แล้วก็งงกับกระจกร้านที่แตกละเอียด
       "สงสัยต้องซ่อมทั้งสัปดาห์แน่เลย"บุ๊คพูด อุ้มพยักหน้า แต่เหมือนทั้งคู่จะดีใจที่กระจกร้านแตก จะได้ไม่ต้องมาช่วยงาน
       ช่วงเย็นๆ เมต้าไนท์ไม่ลงมากินข้าว ก่อนหน้านั้นเหมือนเขาจะหยิบดาบที่อยู่มุมร้านที่คิลเลอร์วางเอาไว้ขึ้นไปด้วย ฉันเลยยกข้าวไปที่ห้องของเขา พอเคาะประตู เขาก็บอกว่าให้วางไว้หน้าห้อง เขาจะหยิบเข้าไปกินเอง แต่ผ่านไปสามสิบนาที เขาก็ยังไม่เอาข้าวเข้าไป ทำให้ฉันจำเป็นต้องเปิดเข้าไป
       เมต้าไนท์กำลังนั่งซึมบนเตียง เขาวางดาบที่เขาหยิบมาไว้บนโต๊ะ และบ่นเบาๆอะไรซักอย่าง
       "เคอร์บี้..."เมต้าไนท์พูดออกมา"นายเห็นฉันเป็นคนยังไงเหรอ...."
       เอ๋?ทำไมถามยังงั้นล่ะ แต่ฉันก็ต้องไปสินะ
       "นายน่ะ เป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บตัว เงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่บางทีนายก็ดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจัง ใส่ใจในเรื่องทุกเรื่องที่ทำนะ"
       ฉันตอบออกมาจากใจจริงตามที่คิด ก็เขาเป็นแบบนี้นี่นา
       "เหรอ....ตัวฉันน่ะ ไม่ใช่อย่างที่นายคืดหรอกนะ ทั้งอ่อนแอ ทั้งขี้ขลาด ฉันไม่เหมือนพี่ฉันทั้งสองคนซักนิด ฉันพยายามจะทำตัวให้เหมือนเขาทั้งสองคน แต่มันก็ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ครึ่งนีงของพวกเขาด้วยซ้ำ โดยเฉพาะพี่คิลเลอร์ เขาทั้งสมบูรณ์แบบ ทำได้ทุกอย่าง ตอนเด็กๆฉันพยายามหลบหลังเขามาตลอด เขาบอกว่าจะคอยปกป้องฉัน ผ่านมาวันนึง ท่าทีเขาก็ดูแปลกๆไป เพราะเขานั่งงุบงิบอะไรคนเดียว พี่เขาดูเหมือนจะออกห่างทุกคนที่อยู่รอบๆตัว ในสมองคิดแต่เรื่องแก้แค้น ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาแค้นอะไร จนฉันรู้เรื่องพวกของที่เป็นบาปทั้งห้าอะไรนั่น ฉันถึงเข้าใจ เพราะว่าวันนึง บุคคลที่อยู่จุดสูงสุดขององค์กรนั้น ได้ให้ดาบฉันกับพี่มาคนละด้าม ของพี่ฉันดูเหมือนจะมีความแข็งแรงกว่าของฉันมาก และฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนฉันเริ่มหมดความมั่นใจในตัวเองว่า ฉันเป็นใครกันแน่ ฉันพยายามเลียนแบบคนอื่นมานาน เลียนแบบคนหลายคน ฉันเลยไม่มีตัวตนจริงๆตัวเอง...."
        "ไม่ใช่หรอก"ฉันขัดเขาตอนเขากำลังจะพูดต่อ"ตัวนายก็คือตัวนาย นายไม่จำเป็นที่ต้องเลียนแบบคนอื่น นายน่ะมีสิ่งที่ไม่เหมือนใครอยู่นะ"
        ฉันบอกให้กำลังใจเขา และก็ไปนั่งบนเตียงข้างๆ "ฉันว่านายมัวแต่คิดเรื่องนี้ ทำให้นายไม่พยายามเป็นตัวของตัวเอง ถ้านายลองปล่อยวางดูบ้างล่ะ"
         "ปล่อย..วาง?"
         เมต้าไนท์วนคำถามมาที่ฉัน ฉันเลยตอบไปอีกว่า
         "อื้อ ปล่อยวาง สมัยก่อนฉันเคยมีครั้งนึงที่ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง ฉันกลัวแต่ว่าเขาจะชอบสิ่งที่ฉันทำรึไม่ เขาจะยอมรับฉันได้รึเปล่า แต่แม่บอกฉันว่า ถ้าใจเราปล่อยวางทุกสิ่ง ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก เท่านี้ก็ทำให้ใจคนเราสุขได้แล้ว นายเองก็น่าจะเคยคิดนี่ ว่านายกำลังทำในสิ่งที่ถูกรึเปล่า ถ้านายคิดว่าถูกแล้ว นายก็ทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคิดว่าทำผิด นายก็ต้องถอยกลับไปก้าวนึง แล้วเดินเริ่มต้นใหม่ด้วยความมั่นใจว่า คราวนี้ต้องไม่ผิด เอ๊ะ นี่ฉันพูดทำให้นายงงเปล่านี่"
         "ไม่หรอก ที่นายพูดมามันถูกนะ แค่ปล่อยวาง..งั้นเหรอ.."
        เมต้าไนท์มองที่ดาบที่เขาถือเอาไว้ แล้วเขาก็ลุกขึ้นมา เดินออกนอกประตู ฉันเลยตามไป อุ้มกับบุ๊คที่กำลังจะเดินขึ้นมาเจอกับเมต้าไนท์พอดี พวกเขาเลยทักว่า
        "เฮ้ ไปไหนเหรอ? ถ้าอยากเดินเล่น ชายหาดตอนนี้ไม่มีคน กำลังสวยมากเลยนะ"
        ฉันเดินตามเมต้าไนท์ไปติดๆ รู้สึกว่าเมต้าไนท์จะเดินออกจากประตูหลังร้าน ไปทางชายหาด วันนี้พระจันทร์เต็มดวง บวกกับทะเลตอนกลางคืน ทำให้สวยงามมาก แต่ฉันได้ยินเสียงรถมาจอดแถวนี้ แล้วเรียกชื่อฉันด้วย เสียงนี้มันคุ้นๆนา..
        "เคอร์บี้! นี่ฉันเอง ดีดีดีไง! อยู่รึเปล่า!"
        เสียงของดีดีดี ลูกคุณหนูที่เคยถูกเจ้าบาปแห่งความตะกละเข้าสิงอะไรนั่นนี่ มีอะไรรึเปล่านะ ทำให้ถึงมาตอนนี้
        "คุณหน...เอ๊ย ดีดีดี มีอะไรเหรอ ทำไมนายถึงมาหาฉันล่ะ อ้าวคุณพ่อบ้าน สวัสดีครับ"
        ฉันทักพวกเขาทั้งสองคน เมต้าไนท์ก็เดินเข้ามาหาด้วย ดีดีดีเหมือนจะมองๆเมต้าไนท์ แล้วเขาก็พูดออกมา
        "คุณพ่อบ้าน จริงเหรอที่ฝาแฝดของเขาถูกจับอยู่น่ะ"ดีดีดีหันไปทางพ่อบ้าน หลังจากที่บาปแห่งความตะกละได้ถูกฉันล้างไป ดีดีดีก็นิสัยดีขึ้นเยอะ ท่าทางนิสัยพื้นฐานของเขาจะดีสินะ
        "ครับ และเขาก็มีดาบแห่งความแค้นอยู่ด้วย แสดงว่าเด็กคนนี้ก็ต้องมีดาบแห่งอัตตาด้วยแน่นอน เธอน่ะ เหมือนจะมีเรื่องที่ร้อนใจด้วยใช่มั๊ย ฉันคิดว่าเธอคงจะตัดสินใจอะไรได้แล้วสินะ"
         พ่อบ้านของดีดีดีพูด สมัยก่อนเขาเคยเป็นตำรวจสากลที่มีความสามารถมาก่อน และเขาก็เคยอยู่ในเหตุการ์ณเมื่อห้าสิบปีก่อนด้วย เขาจึงรู้เรื่องของดีพเอ็นด์ บาปทั้งห้า และสิ่งอื่นๆที่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจในตอนนี้ดี
        "แต่ก่อนหน้านี้ เธอคงต้องรู้เรื่องนี่ก่อน เธอจำเรื่องที่ผมบอกได้มั๊ย เรื่องช้อนแห่งความตระกละที่คุณหนูเขามี"พ่อบ้านถามฉันต่อ"ผมแปลกใจเพราะว่าตอนที่กลับไปดูที่ช้อนนั้นอีกที มันก็กลายเป็นดาวคล้ายๆกับของเธอเลย วาพ์บสตาร์อีกอันยังไงครับ"
        "วาพ์บสตาร์อีกอันเหรอ?"ฉันทวน"งั้นทำไมล่ะ? ทำไมถึงกลายเป็นวาพ์บสตาร์ได้ล่ะครับ"
        "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันกับวาพ์บสตาร์ของเธอ แล้วก็คิดว่าสิ่งของที่ต้องบาปทั้งหมดก็น่าจะเป็นเหมือนกัน เมื่อได้รับการชำระบาป สิ่งของพวกนั้นก็จะกลายเป็นวาพ์บสตาร์ แต่ว่าวาพ์บสตาร์ของคุณหนูเป็นสีฟ้าอ่อนครับ ไม่เหมือนกันตรงนี้แหล่ะ"
        พ่อบ้านเอสโซ่อธิบายกับฉัน ถ้างั้นสมมุติว่าเมต้าไนท์ได้ชำระ...เอ่อ ล้างบาปนั่นน่ะ ดาบนั่นก็กลายเป็นวาพ์บสตาร์เหมือนกันเหรอ? แต่เหมือนจะไม่ได้ผลกับเขาเลยถ้าฉันจะช่วยเขา
        รึว่า เขาต้องหลุดพ้นมันด้วยตัวเอง?
        เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถหลุดมันได้ด้วยตัวเองถ้าเขสยังมัวแต่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวตนของตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไปนะ
        เหมือนเขากำลังตัดใจอะไรบางอย่าง
        ตัดสินใจแล้วเหรอ
        ตั้งใจแล้วใช่มั๊ย นายน่ะ
        "เมต้าไนท์ นายว่าไงล่ะ ถ้านายล้างบาปนี่ นายก็หลุดออกมาจากเรื่องที่นายเจอมาหลายอย่างนะ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์ "เคอร์บี้ ช่วยเมต้าไนท์ได้มั๊ย แล้วก็ฉันอยากให้พี่ชายฝาแฝดเขาได้ล้างบาปนั่นด้วยจังเลย"
        "แต่ฉัน...จะทำได้รึเปล่าหรอก..."
        เมต้าไนท์เดินไปทางชายหาดอีกครั้ง ฉันกับดีดีดีเลยเดินตาม คุณพ่อบ้านเข้าไปในร้านเพื่อทักทายเจ้าของร้าน อุ้มแล้วก็บุ๊ค
        "ทำไมล่ะ"ดีดีดีถามอีกรอบ สายตาเขางุนงง
        "วาพ์บสตาร์ คงไม่ให้อภัยในเรื่องที่ฉันทำไปหลายอย่างน่ะสิ"
        "งั้นเหรอ...พรุ่งนี้ให้พ่อบ้านพานายไปหาพี่นายสิ!"
        "เอ๋?"
        ..........
        ติดตามต่อตอนหน้านะแจ๊ะ

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 4 : ตำนานบาปทั้งห้ากับความจริงจากปากเมต้าไนท์

        "เธอน่ะ....กระผมคิดว่าเมื่อห้าสิบปีก่อน กระผมเคยพบกับเด็กคล้ายๆเธอด้วย"
        "เคอร์บี้ ไม่เป็นไร ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันหนีออกมาแล้วล่ะ"
        ..........
        ที่นี่มัน...
        ทำไมคุ้นๆจัง...
        ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้ บรรยากาศรอบๆคล้ายโรงพยาบาลร้าง ฉันเลยเดินออกไปดู เดินไปเรื่อยๆแบบไร้จุดหมาย ในที่สุดฉันก็เจอประตูบานหนึ่ง
        ฉันจึงผลักออกไป
        รอยยิ้ม...
        รอยยิ้มของเด็กคนนึงที่แสนจะไร้เดียงสา
        รอยยิ้มของเด็กคนนั้นกำลังมองมาทางฉัน
        "เจ้าหนู...มาทำอะไรที่นี่เหรอ แล้วพ่อแม่ล่ะ?"ฉันถามเด็กคนนั้นไป แล้วหันหาพ่อแม่ของเขารอบๆตัว"อย่าบอกนะ ว่ามาคนเดียวน่ะ"
        เด็กคนนั้นผยักหน้า เขาเป็นชาวแคปปี้เหมือนกัน แถมตัวก็ยังสีเดียวกันอีกด้วย
        "น้องๆ จะไปไหนน่ะ"
        ฉันพูดกับเด็กคนนั้นอีกครั้ง เขากำลังเปิดประตูอีกบานออกไป เขาเรียกฉันด้วย ฉันจึงตามเขาไป
        สงสัยพาฉันออกไปมั๊ง...?
        [นา*น่ะ...*า*...]
        ฉันได้ยินเสียงๆหนึ่งก่อนที่จะเดินออกไปตามเด็กคนนั้น และทุกอย่างก็มืดลงไป มืดลงไป....
        ...........
        "เคอร์บี้..เคอร์บี้!"อุ้มเขย่าตัวเคอร์บี้"เหม่ออะไรอยู่ ตำรวจสากลเต็มร้านเราเลยนะ!"
        น้ำเสียงของอุ้มดูตื่นเต้นปนดีใจเล็กน้อย บรรยากาศภายในร้านตอนนี้เต็มไปด้วยตำรวจสากล มีทั้งไทย อเมริกา บลาซิล ญี่ปุ่น
        "อุ้ม เธอพูดอังกฤษได้ไม่ใช่เหรอ? ถามให้หน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น"บุ๊คเรียกอุ้มในขณะที่เขากำลังติดชงักกับคนอเมริกาตัวใหญ่เท่ายักษ์
        "ใช้ไม่ได้น้า"อุ้มส่ายหัว และหันมาบอกเคอร์บี้ที่เพิ่งได้สติกลับมาอีกครั้ง"เมต้าไนท์กับพ่อบ้านคนนั้น แล้วก็ลูกคุณหนูดีดีดีอะไรนั่นขึ้นรถรอแล้วล่ะ เห็นว่าจะต้องให้ปากคำอะไรซักอย่างที่สำนักงานเขา นายก็รีบขึ้นรถไปด้วยซะสิ"
        ".อะ...อื้อ..."เคอร์บี้ยังคงคาใจกับสิ่งเขาเห็นเมื่อกี๊ มันคืออะไรกันแน่นะ
        ..........
        ณ สำนักงานตำรวจสากลของจังหวัด
        "ok thank for come with me. you can stay here for wait people in around 2 hour"
        ตำรวจสากลชาวอเมริกาพูดกับเมต้าไนท์
        "i will thank to you too. but..why we are here?"เมต้าไนท์ตอบเป็นภาษาอังกฤษ เขาตอบได้คล่องมากเลยทีเดียว
        "..you will know from fumu later.."
        "...fumu...?"เมต้าไนท์ทวนคำตอบ แต่ตำรวจคนนั้นก็เดินจากไปแล้ว
        "เมต้าไนท์...มีอะไรเหรอ"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์ เขาฟังภาษาอังกฤษพอออกแต่ก็ฟังไม่ทันว่าเขาพูดอะไร
        "ตำรวจคนนั้นบอกว่าให้เรารอที่ห้องนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงน่ะ แล้วก็เรื่องทุกอย่างจะรู้จากคนที่ชื่อว่า ฟูมุ ใครกันนะ"
        "กระผมว่า เราเข้าไปในห้องกันก่อนเถอะครับ ยืนแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ"พ่อบ้านเอสโซ่บอกให้พวกเคอร์บี้เข้าไปในห้อง แต่เมื่อเข้าไปแล้ว พวกเขาก็เจอหญิงสาวคนหนึ่ง
        ผมสีทองยาวสลวยและมัดโพนี่เทล
        เสื้อสีเขียวอ่อน กระโปรงยาวสีดำ
        รองเท้าสีเทา ถุงเท้าสีขาว
        เป็นการแต่งตัวที่ดูไม่น่าจะเข้ากันกับหญิงคนอื่น แต่กลับทำให้เธอคนนี้ดูสวยมากเลยทีเดียว
        "ฉันพูดไทยได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงฉันจะเป็นคนญี่ปุ่น แต่ก็อยู่ไทยมากเกือบจะสิบปีแล้วล่ะ"
        นั่นเป็นคำพูดแรกที่เธอพูดออกมา
        "ฉันชื่อว่า ฟูมุ เป็นตำรวจสากล ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพวกเธอหน่อยนะ"
        "ผมชื่อเคอร์บี้ ส่วนนี่ก็..."
        "เมต้าไนท์ใช่มั๊ย"
        น่าเหลือเชื่อที่เธอรู้จักชื่อของเมต้าไนท์ แต่เขาทำท่าทีเหมือนมีบางอย่างขัดๆ
        "แสดงว่าคุณรู้แล้วใช่มั๊ยครับ"เมต้าไนท์ถามหญิงสาว"ว่าผมเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มดาร์กเมดเทอร์น่ะ"
        "ฉันรู้ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาแล้ว ดวงตาของเธอมันมีความมืดปนอยู่ด้วยน่ะสิ แล้วพี่ชายของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยล่ะมั๊ง"
        "ถูกจับกุมอยู่เหรอ?"เมต้าไนท์พูดต่อ"งั้นผมก็ต้องถูกจับด้วยสิ เอาเลย ยังไงผมก็เป็นสมาชิกกลุ่มนั้นอยู่ดี"
        "พี่เธอไม่ได้ถูกจับหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นสายให้ทางเรา"ฟูมุตอบกลับไป"เธอไม่ถูกจับด้วยแน่นอน เพราะเธอไม่ได้มีความผิดอะไร เอาล่ะ ทุกคนเรามาเข้าประเด็นดีกว่านะ"
        "เดี๋ยวก่อนครับ...ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ"คุณหนูดีดีดีที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ยกมือขึ้นถาม"คุณพ่อบ้านครับ ทำไม...อย่าบอกนะว่าผม.....ไม่นะ"
        เคอร์บี้หันไปมองดีดีดี เขาเปลี่ยนไปทันที นิสัยพื้นฐานของเขาคงจะไม่เหมือนเมื่อกี๊แน่ๆ เพราะเขาดูไม่ใช่คนคนเดียวกัน
        "เธอน่ะ ท่าทางจะกำลังงงกับเรื่องนี้อยู่สินะ"ฟูมุถามเคอร์บี้"ฉันจะเล่าให้ฟังเอง รวมถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อนด้วย เห็นว่าคุณเองก็เคยเจอไม่ใช่เหรอ คุณเอสโซ่"
        "ครับ คุณหนู ตัวกระผมเมื่อก่อนเคยเป็นตำรวจสากล และตอนที่ออกมา หนูฟูมุเขาก็เข้ามาแทนกระผมขอรับ"พ่อบ้านตอบ พลางดันแว่นขึ้น
        "เรื่องมันเป็นมายังไงครับ?"เคอร์บี้ถามต่อไป เมต้าไนท์เดินเข้ามาใกล้เคอร์บี้
        "ฟังก่อนเถอะน่า"เมต้าไนท์บอกเคอร์บี้"แล้วฉัน..มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกนายด้วย"
        ..........
        เมื่อนาน...นานมากแล้ว
        มนุษยชาติเคยเชื่อมั่นในตัวของเทพเจ้าที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมา ดีพเอ็นด์
        ดีพเอ็นด์เป็นเทพเจ้าที่คอยขจัดปัดเป่าทุกข์ร้ายที่เหล่ามนุษย์ต้องประสบ
        แต่ซึ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น....
        ดีพเอ็นด์กลับมีสมองที่ก้าวหน้ากว่าเหล่ามนุษย์มากกว่าที่คิด ทำให้เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
        ดีพเอ็นด์เริ่มส่งเหล่ามนุษย์ให้ไปอยู่ในดินแดนแห่งความสุขทีละคน...สองคน โดยที่มนุษย์เหล่านั้นจะไม่มีวันกลับมาได้อีก...
        จนเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว เหล่ามนุษย์ที่เคยสิ้นหวัง ก็ได้มีความหวังกลับมาจากสุดแดนที่ดีพเอ็นด์สร้างขึ้นอีกครั้ง ก็เพราะมีเด็กชาวแคปปี้คนหนึ่งได้ยืนกรานขึ้นเพื่อต่อต้านดีพเอ็นด์
        เขาพยายามสู้ แต่สุดท้ายทั้งเขาและดีพเอ็นด์ก็ได้แตกสลายหายไป ทุกอย่างจึงเป็นเหมือนฝันกลางวันในบ่ายวันหนึ่ง
        มีไม่กี่คนที่จะจำเรื่องราวเหล่านั้นได้
        แต่ทว่ากลับมีเรื่องราวต่อจากนั้นอีก...
        ก่อนที่ดีพเอ็นด์จะสลายไป ดีพเอ็นด์ได้สร้างสิ่งสุดท้ายขึ้นมา นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า บาปทั้งห้า..
        บาปเหล่านั้นถูกให้จำกัดอยู่ในรูปสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้ว่ากันว่า สิ่งเหล่านั้นได้แก่ ช้อนแห่งความตะกละ ผ้าแห่งความริษยา ดาบคู่แห่งอัตตา(การมีตัวตน)และความอาฆาต สุดท้ายก็คือนาฬิกาทรายแห่งความเดียวดาย
        ..........
        "เอ๋...เหมือนเป็นนิทานเลย"เคอร์บี้พูด
        "เรื่องพวกนี้ถูกคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นนิทานก่อนนอน แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงน่ะ"ฟูมุอธิบาย"ฉันคาดว่าเมต้าไนท์กับพี่ของเขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี"
        "จริงเหรอ"เคอร์บี้หันมาทางเมต้าไนท์
        "อือ..แต่ว่าทางกลุ่มที่ฉันเคยอยู่ด้วย..บอกว่าเด็กคนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องกำจัด เพราะเป็นคนที่ทำลายโลกที่ดีพเอ็นด์สร้างขึ้นมาน่ะสิ"เมต้าไนท์บอก"แต่ว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องของสิ่งของที่เป็นรูปของบาปเลย..."
        "กระผมรู้มาว่าทางบ้านของคุณหนูมีช้อนแห่งความตะกละครอบครองเอาไว้อยู่ กระผมเลยพยายามไม่ให้คุณหนูได้เข้าใกล้ช้อนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ทันเพราะคนใช้คนอื่นคิดว่ามันเป็นช้อนธรรมดา พอเอามาให้คุณหนูใช้ตักขนมหวาน คุณหนูเลยถูกเจ้านั่นเข้าสิง...สิ่งของพวกนี้มักจะมีปฏิกิริยากับบุคคลที่มันคิดว่าเหมาะสม ไม่คิดว่าจะเป็นคุณหนูดีดีดี"พ่อบ้านบอก"แต่พอรู้อีกทีว่า เธอคือคนที่สามารถลบล้สงบาปได้ กระผมก็สบายใจขึ้นมาก เพราะสิ่งของพวกนั้นเมื่อเจอกับดาวที่เธอถืออยู่กับมือ...วาพ์บสตาร์ สิ่งของพวกนั้นจะคืนรูปกลับไปเป็นอากาศเหมือนเดิม และบาปที่สิ่งอยู่ในตัวของผู้ครอบครองก็จะหลุดหายไปด้วย..."
         "แต่...แต่ว่า...."เคอร์บี้มองที่ดาวนั่น"ทำไมต้องเป็นผม ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่นที่ไม่ใช่ผม...ถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรขึ้นมา ผมจะรับผิดชอบยังไงล่ะ และผมก็คงไม่ใช่คนที่ล้างบาปอะไรนั่นได้หรอก ต้องมีอะไรที่พวกคุณเข้าใจผิดกันแน่ๆ"
         "เคอร์บี้..จากนี้ไป นายต้องระวังตัวนะ..เพราะวาพ์บสตาร์นี่จะเป็นสิ่งที่พานายเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของฉันด้วยน่ะสิ เรื่องที่ไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย"เมต้าไนท์บอกเคอร์บี้
         "ทำไมล่ะ"
         "คือว่า เรื่องมันเป็นแบบนี้...เมื่อช่วงหลายเดือนก่อนน่ะ..."
         ............
         วันนั้นเป็นวันที่ฉันนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่เหล่าพวกคนชั่วร้ายนั่งคุยเรื่องคนที่สามารถล้างบาปได้กำลังจะปรากฏตัวออกมา แล้วมีคนนึง เขาอายุเท่าฉันนี่แหล่ะ ก็พูดขึ้นมาว่า
         "เราคาดการว่า บุคคลนี้จะเป็นอันตรายต่อองค์กรของเราเป็นได้ ฉะนั้นต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด"
         ฉัน ซึ่งเป็นคนที่เกลียดการต้องทำอะไรที่เลวร้ายก็ได้แต่นั่งนิ่ง เพราะฉันกลัวว่า จะต้องไปฆ่าใครซักคน ฉัน..ฉันเกลียดมากที่ต้องเห็นคนที่บริสุทธ์ถูกฆ่าตาย
         ฉันกับพี่เลยได้นั่งคุยกันเรื่องนี้ตอนที่กลุ่มคนที่สนับสนุนการฆ่าคนที่ล้างบาปได้กำลังเฮฮา ใช่ มีแค่ฉันกับพี่แค่สองคน
        "เมต้าไนท์ เอางี้น่ะ น้องน่ะ รีบหนีไปก่อน น้องต้องรีบตามหาคนที่พวกนั้นจ้องจะเอาชีวิต ส่วนพี่จะตามไปทีหลังเพื่อพวกมันจะได้คิดว่าเราต้องไปด้วยกัน น้องน่ะช่วยคนนั้นเอาไว้ให้ได้นะ"
        "แล้วพี่ล่ะ พี่จะหนีไปยังไง ไปคนละทางมันจะดีเหรอ"
        "ดีสิ ดีแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ"
        หลังจากนั้น พี่ก็ผลักฉันตกหน้าต่างแถวนั้นลงไป โชคดีที่มันเป็นทะเล แต่ด้วยที่ฉันว่ายน้ำไม่เป็น ฉันจึงรีบหาอะไรเกาะ สิ่งที่ฉันเกาะได้เป็นท่อนไม้ที่ลอยมาจากไหนซักที่ แล้วฉันก็ลอยมาติดแถวชายทะเลตอนกลางดึก ฉันจึงเดินอย่างอ่อนแรง เดินไปเรื่อยๆจนฉันไม่เหลือแรงแล้ว ฉันเลยมานั่งเอาอะไรมาคลุมตัวข้างร้านขนมปังที่นายอยู่นั่นแหล่ะ ไม่นึกว่าพวกนายจะมาเจอฉัน
        ..........
        "แล้วฉันก็คิดว่าฉันจะตายอยู่แล้วดวยซ้ำก่อนที่นายจะมาเจอ อีกอย่างที่ฉันไม่อยากเชื่อคือ นายจะเป็นคนที่สามารถล้างบาปพวกนั้นได้ด้วย"เมต้าไนท์บอก
        "แต่ว่า...ยังไงฉัน..."
        "เอ่อ...."
        คุณหนูดีดีดีเดินเข้ามาทางเคอร์บี้ และโค้งให้
        "ต้องขอบคุณที่คุณช่วยผมเอาไว้นะครับ ไม่งั้น..ไม่งั้น..."
        คุณหนูดีดีดีร้องไห้ออกมา น้ำตาของเขาไหลลงอาบบนแก้มของเขาเรื่อยๆ
        "...ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าเรียกฉันว่าเคอร์บี้ก็ได้ ไม่ต้องถึงขั้นคุณหรอกนะ"
        เคอร์บี้ปลอบคุณหนูดีดีดี
        "จริงเหรอ..ต่อไปนี้เรียกฉันว่า ดีดีดี ได้มั๊ย ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกนะ"
        รอยยิ้มเริ่มมาประทับตรงหน้าดีดีดี
        "จะว่าไป จะเอายังไงล่ะ เคอร์บี้"เสียงของฟูมุดังขึ้นมาอีกครั้ง"เธอน่ะ จะมาอยู่กับเราก่อนมั๊ย เพื่อความปลอดภัย"
        "อืม..."เคอร์บี้ใช้เวลาคิด"ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพวกคุณลำบาก ยังไงชีวิตผมก็ไม่มีอะไรอยู่แล้วนี่"
        "แล้วเธอล่ะ เมต้าไนท์"ฟูมุหันมาทางเมต้าไนท์"จะอยู่กับพี่เธอมั๊ยล่ะ"
        "ผมว่าไม่หรอกครับ พี่สั่งให้ผมมาตามหาคนที่สามารถล้างบาปได้ แล้วเขาก็อยู่ตรงนี้ ยังไงผมก็อยากปกป้องเขาครับ"เมต้าไนท์ตอบตามตรง และเขาก็จับมือเคอร์บี้"เคอร์บี้ ต่อไปนี้ฉันจะปกป้องนายเองนะ"
        "อ..อื้ม"เคอร์บี้กัดฟันตอบ
        ..........
        เอายังงั้นเหรอ..แน่ใจนะ....
        ..........
        "!"เคอร์บี้รีบหันหน้าไปมา
        "มีอะไรเหรอ"เมต้าไนท์ถาม
        เคอร์บี้หันหน้าไปมาเพื่อหาว่าตนตอของเสียงนั้นมาจากไหน
        "ได้ยินอะไรมั๊ยเมื่อกี๊"
        "อะไรเหรอขอรับ กระผมถึงจะแก่แต่หูยังดี ไม่ได้ยินอะไรเลยนะขอรับ"พ่อบ้านตอบ
        "แต่ว่า....ช่างมันเถอะ คงหูแว่วมั๊ง"
        ...........
        หลังจากที่ฉันอยู่ที่นั้นประมาณเกือบทั้งวันได้ ฉันกับเมต้าไนท์ก็กลับมาในสภาพที่เหนื่อยเพราะให้การกับตำรวจสากลเรื่องนี้หมด เมต้าไนท์ไม่ได้เจอกันพี่ตัวเอง ทีแรกเขาก็ดูเศร้าๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะ
        แต่ฉันก็ยังคงสงสัยกับสิ่งที่ฉันเห็น มันเป็นภาพลวงตา รึว่าฉันแค่ฝันกลางวันไปกันนะ เสียงที่ฉันได้ยินตอนนั้นด้วย เด็กคนที่เห็นในภาพ...โรงพยาบาลร้าง...เสียงที่ได้ยิน...มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่ๆ
        แต่ก่อนน่านั้นฉันคงต้องขอเวลางีบก่อนล่ะนะ เฮ้อ
        ..........
        [----ไลบ์บลารี่ชื่อว่า นอร์มอล ไม่สามารถค้นหาพบ----]
        [----เริ่มทำการค้นหาจากโลกความจริง----]
        [----ค้นพบ 1 รายการ----]
        [----เตรียมการ----]
        [----สู่โลกความจริง----1%----]

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 3 : ลูกคุณหนูผู้สูงส่งกับบาปที่ติดตัว

      "อ๊าฮ่าฮ่าฮ่า! พวกนายก็แค่คนชนชั้นรากหญ้าเท่านั้นแหล่ะน่า!"
      "ว่าไงนะ เจ้าลูกคุณหนูอวดดี!"
      "ก็จริงไม่ใช่เหรอ รึว่าจะเถียง?"
      "...ฮึ่ม..."
      ..........
      วันนี้เป็นวันที่ห้าของการฝึกงาน ณ ร้านขนมปังแห่งนี้
      จะว่ายังไงดีล่ะ?โชคดีรึเปล่า? เพราะตั้งแต่เมต้าไนท์มาหลบภัยที่นี่ เขาก็พยายามช่วยงานที่ร้านเพื่อแลกกับการพักที่นี่ชั่วคราว เจ้าของร้านให้เขาไปทำงานในครัวซึ่งเป็นที่มิดชิดและไม่อยากให้ออกมาข้างนอกก่อนช่วงหนึ่งทุ่ม ทำให้เป็สาเหตุที่ฉันต้องมาอยู่ในครัวด้วยเพื่อให้เขารู้สึกสบายใจ
      เมต้าไนท์เป็นคนค่อนข้างขี้ระแวงพอสมควรแต่เขาก็ตกใจง่ายมากๆด้วย เมื่อวานเขาเผลอเหยียมตุ๊กตาเป็ดมีเสียงแล้วเขาก็สดุ้งโหยง พวกบุ๊คหัวเราะใหญ่ ดูท่าแล้วเขาก็น่าจะเป๋อๆ บางทีก็น่าจะมากกว่าฉันด้วยแฮะ
      พอเข้ามานั่งในครัวฉันก็สบายขึ้นมากเพราะไม่ต้องมายืนยื่นกล่องให้ลูกค้าที่เรื่องมาก จะเอานู่นนี่นั่น ทำไมไม่หยิบเองล่ะครับ? ฉันถามอย่างเดียว ก็ยังดีที่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็น
      งานภายในครัวส่วนใหญ่จะเป็นการอบขนมปัง และเข็นรถออกไป ปกติงานนี้สบายมากสำหรับฉัน แต่เมื่อเมต้าไนท์มาช่วยด้วยแล้ว ก็ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่
      "อันนี้..."เมต้าไนท์ถามฉันขึ้นมาในตอนที่กำลังนั่งกินข้าวปั้นสามเหลี่ยมของเมื่อวานที่พวกบุ๊คซื้อมา แล้วเหลือสองก้อนพอดี
      "ข้าวปั้นสามเหลี่ยมน่ะ อร่อยนะ"ฉันตอบเขาไปและเอามันเข้าปาก
      "เหรอ.."เขาตอบและเอาข้าวเข้าปากที่อยู่ใต้หน้ากากของเขา ปากของเขาค่อยๆเคี้ยวและกลืนมันลงไป
      "อ๊าฮ่าฮ่าฮ่า! พวกนายก็แค่คนชนชั้นรากหญ้าเท่านั้นแหล่ะน่า!"
      เอ๋? เกิดอะไรขึ้นข้างนอกน่ะ เสียงไม่คุ้นหูเลยแฮะ
      "ว่าไงนะ เจ้าลูกคุณหนูอวดดี!"
      คราวนี้เป็นเสียงของอุ้มบ้าง เสียงเธอท่าทางจะหงุดหงิดมาก
      "ก็จริงไม่ใช่เหรอ รึว่าจะเถียง?"
      เสียงที่พูดเมื่อกี๊ดังขึ้นมาอีกรอบ สงสัยคงต้องไปดูซะแล้วสิ
      ..........
 
       "ฉันอยากจะกินขนมปังพวกนี้ให้หมดเลย ฉันมีเงินมากกว่าพวกนายรวมกันสิบคน..ไม่สิ ร้อยคนเลยด้วยซ้ำ"เสียงเด็กชายชาวเพนกิน่าดังขึ้นมาจากกลางร้าน"อีกอย่าง พวกนายที่นั่งกันในร้านน่ะ ออกไปซะ ฉันคือลูกคุณหนูแห่งตระกูลนักชิม ฉันควรจะได้กินอะไรซักหน่อยสิ"
      "คือว่า คุณหนูครับ...กระผมว่าถ้าทำแบบนี้..."
      "เงียบไปเลย เจ้าพ่อบ้านงี่เง่า! แก่แล้วยังกล้าเถียงผู้สูงส่งเหรอ"เด็กชายคนนั้นยังคงพูดอวดอ้างตัวเองต่อไป"แค่มีเงิน ฉันก็กินทุกอย่างบนโลกนี้ได้แล้ว เอ้า!เอาอะไรมาให้ฉันกินเร็วๆสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว!"
      "ใจเย็นๆหน่อยสิ! ก็รู้หรอกนะว่าหิวน่ะ!"อุ้มเถียงลูกคุณหนูได้อย่างดุเดือด"ไม่งั้นก็ขอเชิญให้คุณซื้อออกไปกินที่บ้านเลยซิคะ! ง่ายดีกว่า!"
      "ร้านนี้ถูกตัดคะแนนเรื่องการต้อนรับลูกค้านะ ดีแล้วที่ฉันไม่สั่งปิดร้านไปเลย"เด็กชายยังคงพูดต่อไป"เค้กสตรอเบอร์รี่อันนี้หวานเกินไปนิด แต่ก็ใช้ได้ มีอย่างอื่นอีกมั๊ย?"
      "เอ่อ...ร้านเรายังมีขนมปังอีกหลายแบบนะครับ คุณหนูดีดีดี มีทั้งขนมปังไส้เมลอน โดรายากิที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น เค้กชาเขียว คุ๊กกี้ช็อคโกแล็ต..."บุ๊คไล่ชื่อเมนูของร้านจนหมด คุณหนูคนนั้นชื่อดีดีดีสินะ
      "อืมมม เอามาให้หมดเลย ฉันอยากจะชิมอีกเยอะ แต่ถ้าจะดี นายเอาความฝัน ความหวัง กับความปรารถนาของนายมาให้ฉันชิมด้วยก็จะดีมากเลย...."
      คุณหนูผู้นั้นลดเสียงลงช่วงท้ายๆ แต่ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอึ้ง สายตาของคุณหนูเปลี่ยนไป และเดินเข้าไปหาบุ๊ค
      "จานเรียกน้ำย่อยวันนี้....ความฝันที่อยากจะเป็นเชพชื่อดัง....อร่อยไม่ใช่น้อยเลยแห๊ะ..."
      "คุณหนู!!! คุณหนูตั้งสติไว้ก่อนครับ!!!"เสียงพ่อบ้านดังขึ้นและเดินเข้าไปรั้งเอาไว้ สุดท้ายก็รั้งไม่อยู่ คุณหนูผลักเขาออกไปทางเคอร์บี้ที่เพิ่งออกมาพอดี
      "อ๊ะ! เป็นอะไรมั๊ยครับ"เคอร์บี้ช่วยประคองพ่อบ้านวัยชราขึ้นมายืนได้ แม้ว่าตัวเขาก็เล็กกว่าก็ตาม
      "จานหลัก....ความปรารถนาของเธอที่เธออยากจะเป็นเกมเมอร์ชื่อดัง.....ขมขื่นปนความหวานนุ่มลิ้น...."คุณหนูดีดีดีหันมาทางอุ้ม สีหน้าเธอซีดไปทันที
      "อืม....แต่จานที่เหมาะกับจานหลักที่สุด....."
      คุณหนูหันไปทางเคอร์บี้บ้าง เคอร์บี้ซึ่งยังไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ได้สดุ้ง และพูดกับเขา
      "..ปะ...เป็นอะไรไปน่ะ!"
      "คุณหนู...เขาโดนวิญญาณร้ายที่เรียกว่า บาปแห่งความตะกละ เข้าสิงน่ะครับ"เสียงพ่อบ้านดังขึ้นเบาๆเพื่อตอบเคอร์บี้
      "เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"ทุกคนหันมาทางพ่อบ้านชราคนนั้น
      "ฮึ เจ้าพ่อบ้านแก่ๆน่ะ แกไร้ประโยชน์มากนะ...หาของกินให้ฉันไม่ได้อีก....ไม่ได้เรื่อง...."คุณหนูที่พ่อบ้านชราอ้างว่าโดนวิญญาณ...ผีเข้าสิงพูดกับพ่อบ้าน"แต่ยังไง ชาวแคปปี้คนนี้มีอะไรที่ไม่เหมือนใครเลยนะ...เป็นพรสวรรค์ที่ไม่น่าจะมีได้เลย...."
      ..........
      พรสวรรค์ที่ไม่น่าจะมีได้? ทำไมล่ะ?
      ..........
      "สงสัยล่ะสิ...ก่อนหน้าที่ฉันจะตอบ...ฉันคงต้องขอชิมทุกสิ่งที่นายมีก่อนละนะ ฮ่าฮ่าฮ่าาาาาาาาาาาา"คุณหนูผู้ตระกะผู้นั้นได้วิ่งเข้าหาเคอร์บี้ เคอร์บี้จึงรีบวิ่งหนีทันที
      "ฉันว่าคงต้องจับส่งโรงบาลบ้าอ่ะนะ คุณหนูคนนี้--"
      "ยังจะมาพูดอะไรแบบนี้ตอนนี้อีกเหรอ! ไปช่วยเคอร์บี้ก่อนเถอะ!"บุ๊ครีบขัดคออุ้มทันที
      และหลังจากนั้นก็มีแสงสว่างจ้าแว๊บขึ้นมาจากมือของเคอร์บี้
      ..........
      อะไรน่ะ?
      ทำไมมันถึงมาอยู่บนมือฉันได้?
      มันคืออะไรน่ะ?
      ช่างก่อนเถอะ แต่อย่างน้อยมันก็พอให้หยุดเจ้าลูกคุณหนูคนนั้นได้ละกัน ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ฉันยื่นเจ้าสิ่งนั้นออกไปทางคุณหนู และพูดออกมาว่า
      'สิ่งที่นายทำน่ะ มันไม่ได้เรียกว่าสิ่งที่ถูกต้องหรอกนะ แต่ว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่นายกำลังลุ่มหลง มันเป็นสิ่งที่นายได้สร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่เพราะวิญญาณร้ายอะไรนั่นหรอก ลืมตาขึ้นมามองความจริงซักทีสิ!'
     ฉันพูดคำอะไรที่เหมือนการ์ตูนตอนเช้าได้ไงเนี่ย?!? แต่ทำไมเหมือนฉันเป็นพระเอกการ์ตูนไปเลยนะเนี่ยยยย ฮ่าฮ่า
     ..........
     "เคอร์บี้..."เสียงเบาๆของเมต้าไนท์ดังขึ้น"รึว่า...."
     "นั่นอะไรน่ะ! ยังกับนารูโตะตอนใช้กระสุนวงจักรเลย ซัดไปสิ เคอร์บี้! วู้!"เสียงอุ้มดังขึ้นเหมือนเชียร์ให้จัดการ
     "โอ๊ะ...นั่นมัน...."เสียงพ่อบ้านพูดขึ้น เหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้
     "เมต้าไนท์..."บุ๊คเห็นเมต้าไนท์ที่เดินออกมาจากหลังครัว"ทำไม..."
     "นั่นมัน...."เสียงของพ่อบ้านดังขึ้นอีกรอบ เขาขยับแว่นขึ้น
     "ลืมตาขึ้นซะสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"เคอร์บี้ตะโกนออกมาดังสุดเสียง และเหวี่ยงสิ่งที่อยู่ในมือของเขาออกไป
      "...ดาว? ไม่ใช่กระสุนวงจักรเหรอ โด่ว"อุ้มยังคงบ่น
      "มันใช่เวลาคิดถึงการ์ตูนมั๊ยเนี่ย!"บุ๊คพูดให้อุ้ม
      และทุกอย่างรอบๆตัวพวกเขาก็สว่างจ้า
      ค่อยๆจางลง
      จางลง
      จนกลับมาปกติ
      "...นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปกันนะ...."เคอร์บี้มองมือตัวเอง เขากำลังถือสิ่งที่คล้ายดาวอยู่ในมือ สีของมันออกเหลืองนวลตา
      "ไม่อยากจะเชื่อเลย..นั่นมัน วาพ์บสตาร์!"พ่อบ้านกับเมต้าไนท์พูดพร้อมกัน ทำให้พวกเขามองหน้ากัน
      "งั้นเธอ..คงมาจาก...."เสียงพ่อบ้านเบาลง
      "ถ้าพูดถึงสิ่งนี้...แสดงคุณก็ต้องรู้แล้วสิว่าผมคือใคร..."เมต้าไนท์พูดด้วยน้ำเสียงเบาเหมือนกัน
      "เดี๋ยวๆ เรื่องนี้มันอะไรกันน่ะ..?"เคอร์บี้ทำสีหน้างุนงง เขาเห็นคุณหนูคนนั้นล้มอยู่กับพื้น
      "พรสวรรค์ที่ไม่น่าจะมีได้..."พ่อบ้านพูด
      "กับวาพ์บสตาร์ที่นายถืออยู่..."เมต้าไนท์พูดต่อ
      "นาย/เธอเป็นคนที่สามารถชำละล้างบาปทั้งห้าได้น่ะสิ...."พ่อบ้านชรากับเมต้าไนท์พูดพร้อมกัน
      "เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"เคอร์บี้ร้องดังกว่าเก่า"อะไรนะ!!!!!!!!!!!!!! ฉันเนี่ยนะ!!!!!!!!!!!!! มั่วแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
      "กระผมอยู่มาเกือบจะหกสิบปีแล้ว เคยเห็นสิ่งนี้มาสองรอบแล้วล่ะ ครั้งแรกเมื่อประมาณห้าสิบปีก่อน ครั้งที่สองก็ตอนนี้..."
      "คนที่ฉันหนีมา...เคยบอกว่าให้จัดการกับคนที่ครอบครองวาพ์บสตาร์นี้....ไม่นึกว่าจะเป็นนาย...."
      "เอาไว้ค่อยเล่าก็ได้นะ คุณหนูคนนี้น่ะ ตื่นแล้วล่ะ"เสียงอุ้มดังขึ้นและเธอหันไปมองคุณหนูดีดีดี
      "...ฉัน...ฉันทำอะไรลงไป......"น้ำเสียงของคุณหนูดังขึ้นอย่างเบาๆ
      "ไม่ว่าจะยังไง......ฉันต้องคุยกับนายแล้วล่ะ"เมต้าไนท์ท่าทางเปลี่ยนไปทันที
      "กระผมคงต้องขอคุยด้วย...."พ่อบ้านพูด"กระผมชื่อเอสโซ่ เรื่องนี้ต้องแจ้งกับทางตำรวจสากลด้วยนะครับ"
      "เอ๋ เดี๋ยวๆๆๆๆๆ นี่ผมงงไปหมดแล้วนะเนี่ย!"เคอร์บี้กุมหัวตัวเองและเหมือนมีอะไรไหลเข้าหัวของเขามา
      ..........
      ที่นี่มัน...     

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 2 : เด็กชายผู้สวมใส่หน้ากาก

         "นายชื่ออะไรเหรอ"
         "....."
         "นี่ๆ รึว่าเขาจะความจำเสื่อม"
         เคอร์บี้ถามเพื่อนใหม่ของเขาสองคน บุ๊คกับอุ้ม วันนี้เป็นวันที่สามที่เขามาฝึกงาน แต่แล้วเขาก็เจอเด็กชายชาวแคปปี้เหมือนกับเขา แต่เพียงว่าเขานั้นแตกต่างจากคนอื่น
         "แล้วทำไมเขาต้องใส่หน้ากากไว้ล่ะ"
         "เอาน่า ช่างเขาเถอะ"
         "เอ่อ......"
         ..........
         วันนี้ก็เป็นเช้าวันที่สามของการมาฝึกงานของฉันที่นี่
         ก็เหมือนเดิมนะ ตอนเช้าเงียบๆ กลางวันง่วงนอน ตอนเย็นก็อยากเลิกไวๆ แต่ก็สนุกกว่าเรียน เพราะได้ทั้งอบขนมปัง ขายของ ไอ้เรียนน่ะ ช่างมันไปเถอะ ฉันไม่สนอยู่แล้ว
         "เคอร์บี้ๆ นายอ่านข่าวนี่ยัง"
         บุ๊คเรียกฉันตอนที่ฉันกำลังเดินลงจากบันไดด้วยความงัวเงีย เขายื่นหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดมาให้ฉันดู
         ดินแดนลึกลับเหรอ?
         "ใช่ ดินแดนลึกลับ อยู่กลางทะเล ห่างจากเกาะแคปปี้ไปอีกตั้งร้อยกิโลนู่น แต่ก็ไม่เคยมีใครเข้าไปได้ซักคนน่ะสิ เพราะอากาศบริเวณนั้นปั่นป่วนมากๆ วุ่นวายสุดๆ"
         บุ๊คส่ายหน้าเบาๆ และพูดต่อกับฉัน
         "ซักวันนึงเราไปเที่ยวที่นั่นพร้อมกันนะ!"
         โอเคๆ แต่จะไปที่นั่นมันลำบากนี่นา นายพูดเมื่อกี๊เองนะ?
         ยังไงวันนี้ก็ปกติเหมือนทุกวัน แต่เมฆครึ้มเชียว อีกไม่นานฝนตกแน่ๆล่ะ
        "จะว่าไปแล้ว วันนี้ไม่กะมีลูกค้าเลยเนอะ"บุ๊คพูดกับฉันต่อ"เพราะไอ้ฝนที่จะตกแน่ๆเลย"
        ตามที่พยากรณ์อากาศบอก วันนี้จะมีพายุพัดเข้าฝั่ง คลื่นทะเลจะเกินสองเมตรซะอีก ร้ายแรงสุดๆ เรือใหญ่ยังไม่กล้าออกจากฝั่งด้วยซ้ำ ดีนะที่มาก่อนที่พายุจะมา ไม่งั้นคงต้องค้างอยู่กลางทะเลหลายชั่วโมง
        เอาเป็นว่าวันนี้ เจ้าของร้านปิดร้านเร็วเกินคาด เริ่มปิดตั้งแต่เที่ยง เพราะว่าพายุก็ใกล้มาถึง เดี๋ยวจะเก็บของเข้าไปในร้านไม่ทัน
        "งั้นพวกเธอเข้าไปในบ้านก่อนนะจ๊ะ พายุลูกนี้แรงมาก เดี๋ยวฝนจะสาดใส่ ไม่สบายเอา"
        ฉันตอบรับไปและเดินเข้าไปในทันทีที่เจ้าของร้านสั่ง แต่ไม่รู้ทำไม มีอะไรดลใจให้ฉันมองไปข้างๆร้าน
        นั่นอะไรน่ะ...?
        ..........
       "ทุกคน ดูนั่นสิ"เคอร์บี้ชี้ไปทางนอกร้านที่เพิ่งเก็บเสร็จ"นั่นมัน...อะไรน่ะ"
       ทุกคนที่ยืนอยู่หันไปมอง อุ้มพูดแนวประชดว่าขยะล่ะมั๊ง ส่วนบุ๊คบอกว่าอาจจะเป็นถุงดำที่ลมพัดปลิวมาก็ได้
       "งั้นฉันไปดูหน่อยนะ"
       "ระวังด้วยนะ พายุมาแล้ว เดี๋ยวทรงตัวไม่อยู่"บุ๊คพูดด้วยความเป็นห่วง เขาเลยเดินออกไปด้วย
       "อืม น่าจะเป็นขยะนั่นแหล่ะนะ เอ๊ะ"
       เคอร์บี้สังเกตเห็นอะไรเงาๆแว๊บๆออกมา เขาจึงเปิดถุงขยะออกดู เขากับบุ๊คต้องตกใจที่เขาเจอกับเด็กชายชาวแคปปี้ตัวเล็กๆที่นอนคดตัว และร้องโอยเบาๆ
       เด็กชายคนนั้นมีจุดแปลกหลายจุด เขาดูหิวโซมาก เขาเหมือนเพิ่งข้ามทะเลมาโดยไม่ได้มาทางเรือ เขามานอนซุกตรงนี้ และเขาสวมหน้ากากสีเงินที่เหลือแค่ช่องให้ตามองได้และสามารถเอาอาหารเข้าปากได้เท่านั้น ผ้าคลุมสีม่วงของเขาเป็นคล้ายผ้าห่มที่คลุมกันลมแรงๆในตอนนี้
       "แย่แล้ว เอาไงดีล่ะ"บุ๊คดูลนลานมาก"แม่...แม่! มีคนมานอนตรงนี้!"
       เจ้าของร้านรีบวิ่งออกมา และบอกว่าพาเขาเข้าไปข้างในก่อน
       ..........
       "นายชื่ออะไรเหรอ"
       "....."
       "นี่ๆ รึว่าเขาจะความจำเสื่อม"
       "แล้วทำไมเขาต้องใส่หน้ากากไว้ล่ะ"
       "เอาน่า ช่างเขาเถอะ"
       "เอ่อ......"
       เด็กคนนั้นมองมาที่ฉันและทำท่าเหมือนจะอ้าปากพูด แต่สุดท้ายก็ไม่พูด ข้างนอกหน้าต่างตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก ลมแรงมาก
       "มีอะไรเหรอ"ฉันถามเด็กคนนั้นไปอย่างงั้น อาการน่าเป็นห่วงจังแฮะ สรุปจะพูดมั๊ยล่ะ
       "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นายนอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะติดต่อทางสถานีตำรวจให้"บุ๊ค อุ้ม กับเจ้าของร้านเดินออกไป ฉันก็จะเดินออกไปด้วย แต่เด็กคนนั้นจับมือฉันเอาไว้ก่อน
       "อย...อย่าทิ้งฉัน...ไว้คนเดียว อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวเลย...ขอร้องล่ะ..."
       เด็กคนนั้นดูท่าทางจะกลัวคนมาก เหมือนระแวงอะไรอยู่ซักอย่าง
       "ขอร้องล่ะ....อย่าทิ้งฉันไว้ ฉันไม่อยาก....กลับไปที่นั่นอีก...."
       ที่นั่น? ที่ไหนล่ะเนี่ย
       "เอ่อ ขอโทษนะ ที่นั่นน่ะ มันที่ไหนเหรอ"ฉันถามเขาไปอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ตอบกลับมา เขาพยายามซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ห้องนี้เป็นห้องข้างๆห้องฉัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด ยกเว้นแต่ห้องนี้ไม่มีกระถางดอกไม้ตั้งริมหน้าต่าง
       เด็กคนนั้นดูท่าทางซึมๆ เหมือนไม่สบาย หรือว่าเป็นอะไร แต่ฉันก็เอายา เอาข้าวมาให้เขา เขาก็ไม่กิน ได้แต่มอง
       "จะเอายังไงกับเด็กคนนั้นดีล่ะ"อุ้มถาม เธอยืนเล่นเกมอยู่ริมหน้าต่างชั้นสองของร้าน"จะแจ้งตำรวจเรื่องคนหายมั๊ย?"
       "ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะไม่ยอมพูดอะไรเลยนะ"บุ๊คหันไปทางเจ้าของร้าน และเจ้าของร้านก็มองมาทางฉัน
       "แต่เด็กคนนั้นพูดกับฉันนะ เห็นบอกว่า อย่าทิ้งเขาไว้คนเดียว น่ะสิ"ฉันตอบทุกคน ทำให้ทุกคนแปลกใจ
       "อย่าทิ้งไว้คนเดียว...?"บุ๊คทวนคำตอบ"หมายความว่าไงเนี่ย"
       "อาจจะเจออะไรร้ายๆมาก็ได้นะ"เจ้าของร้านถามขึ้นมา"แต่ถ้าพูดกับเคอร์บี้ แม่คิดว่าเขาอาจจะไว้ใจเธอก็ได้มั๊ง"
       ไว้ใจฉันเนี่ยนะ ฉันมีอะไรที่น่าไว้ใจบ้างล่ะ
       "นายลองไปถามเขาก็ได้ ในเมื่อเขาไว้ใจนายที่สุด"อุ้มปัดรับผิดชอบมาที่ฉัน ซึ่งฉันต้องเดินเข้าไปถามและอยู่กับเขาสองคน
       ..........
       "นายน่ะ ชื่ออะไรเหรอ"เคอร์บี้ถามเด็กชายที่สวมหน้ากาก
       "...เมต้าไนท์...ปีนี้อายุสิบสองแล้วล่ะ...."
       "เหรอ อายุเท่ากันเลย! เราน่าจะได้เป็นเพื่อนกันนะ! ฉันชื่อเคอร์บี้ ยินดีที่ได้รู้จัก"เคอร์บี้ยิ้มตอบ"ว่าแต่ ทำไมนายถึงบอกว่าอย่าทิ้งให้นายอยู่คนเดียวล่ะ"
       "...คือ....เอ่อ.....คือ....."
       "ไม่เป็นไร บอกมาเถอะ ฉันรับฟังทุกคนอยู่แล้ว!"เคอร์บี้ยังคงยิ้มสู้ต่อไป แต่ในใจเขาหงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว
       "ฉัน....ถูกคน...ไล่ล่าอยู่น่ะ บอกไปนายก็ไม่เข้าใจ...."
       "บอกมาเถอะน่า ฉันเข้าใจทุกคนนั่นแหล่ะ"เคอร์บี้หันหลังไปชงชาซองให้และยื่นมาที่เมต้าไนท์ "ชามั๊ย ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นด้วยนะ"
       "...ขอบคุณนะ...ทำไมนายต้องดีกับฉันขนาดนี้ด้วยล่ะ..."
       "ไม่รู้สิ ฮาฮ่า ปกติฉันก็แบบนี้ตลอด"
       "ต่างจากฉันสินะ...เพื่อนก็มี....ฉันไม่มีเพื่อนเลย....เกิดมาพ่อแม่ก็ตาย...ปมด้อยจังนะ"
       เคอร์บี้ถึงกับเงียบทันที เมต้าไนท์มองมาที่เคอร์บี้
       "ฉันน่ะ...ถูกเลี้ยงมาพร้อมกับพี่แล้วก็เด็กคนนึง แต่ทำไมกันนะ ทำไมฉันถึงจำเด็กคนนั้นไม่ได้....ทั้งที่เหมือนผ่านมาไม่นานนี้..."
       "หมายความว่าไง....ที่นายพูดมา"เคอร์บี้ถามต่อไป
       "ซักวันนายจะรู้เองแหล่ะ...ถ้าคนที่ตามล่าฉันอยู่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่...เดี๋ยวฉันจะไปแล้วล่ะ...."เมต้าไนท์ลุกออกจากเตียงแต่เขาร้องโอ๊ยดังขึ้นมา
       "นายยังไปไม่ได้นะ ขานายยังเจ็บอยู่เลย"เคอร์บี้รีบเข้ามาประคองเมต้าไนท์"ทำไมล่ะ"
       "เดี๋ยวพวกนายจะเดือดร้อนไปด้วยน่ะสิ"
       "ไม่เดือดร้อนหรอกน่าาาาาาาาาาาาา"
       บุ๊ค อุ้ม รีบเปิดประตูพุ่งเข้ามา เจ้าของร้านทำหน้าตาลนลาน
       "แม่บอกว่าอย่าไปยุ่งไงล่ะ!"
       "นายไม่ต้องไปฟังแม่ฉันหรอกนะ! เดี๋ยวฉันช่วยนายเอง!"บุ๊คบอกเมต้าไนท์ และบอกให้เขาทำตัวสบายๆเหมือนบ้านตัวเอง
       "ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าใครตามล่านายอยู่ แต่ทำตัวสบายๆเหมือนที่บุ๊คว่าเถอะนะ"อุ้มบอกเมต้าไนท์ "ไม่ได้ทำกับข้าวนานละ เดี๋ยวแสดงฝีมือให้ดูแล้วกัน รับประกันจากคุกกิ้งมาม่าสามสิบสมัย!"
       "เฮ้ยยยยย ไม่เอาาาาาา"บุ๊ครีบปิดปากอุ้ม "เธอก็รู้ว่าถ้าเธอทำอาหารทีไร ไม่มีใครกินทุกที"
       แต่อุ้มกัดมือบุ๊ค ทำให้เขาร้องจ๊าก
       "ไม่รู้ล่ะ แต่เย็นนี้ เคอร์บี้ต้องพาเมต้าไนท์ลงมากินนะ!"
       "ซวยแน่ๆ"บุ๊คบ่นเบาๆ
       ..........
       "จะทานละนะคะ/ครับ"
       ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารเริ่มลงมือกินอาหารที่สั่งมาจากร้านกับข้าวข้างๆบ้าน ยกเว้นเมต้าไนท์ที่นั่งเฉยๆ
       "เอ้า ทำไมไม่กินล่ะ? กุ้งนี่อร่อยนะ เอ้า"บุ๊คหยิบกุ้งตัวโตลงจานข้าวของเมต้าไนท์ให้ "ปูผัดผงกระหรี่ก็อร่อย ผลไม้ก็หวานใช้ได้ด้วย"
       เมต้าไนท์ยังคงมองจานข้าวต่อไป และเขาค่อยๆหยิบช้อน ตักข้าวเข้าปาก
       ทุกคนรีบมองมาที่เมต้าไนท์ และตกใจ เพราะว่าเขามีน้ำตาไหลออกมา
       "เป็นอะไรเหรอ?!? มีอะไร"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์ทั้งที่ข้าวยังอยู่ในปากเต็ม
       "...อร่อย....ไม่ได้กินอะไรที่อร่อยแบบนี้มานานแล้ว....อร่อยจัง"เมื่อเมต้าไนท์พูดจบ เขาก็รีบตักคำที่สอง คำที่สามเข้าปากไปเรื่อยๆ ทุกคนจึงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ และแล้วอุ้มก็ลุกขึ้น
       "เอาล่ะ ในเมื่อแบบนี้แล้ว ฉันจะเอาน้ำมาให้นะ"
       อุ้มเดินเข้าไปประมาณสองสามนาทีก็เดินออกมาพร้อมกับน้ำสีขุ่นๆสองแก้ว
       "สำหรับเคอร์บี้และเมต้าไนท์โดยเฉพาะ แม่กับบุ๊ค..หมดสิทธิ์"
       "ใครอยากกินแต่ทีแรกล่ะ"บุ๊คบอก"ฉันว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่านะ"
       เคอร์บี้กับเมต้าไนท์ไม่สน พวกเขาเริ่มหยิบแก้วน้ำมาดูด เคอร์บี้ทำหน้าขมขื่นทันที
       "อือหืออออ อาวุธชีวภาพเหรอ"
       "อาวุธชีวภาพอะไรล่ะ ของมีประโยชน์ทั้งนั้น คื่นช่ายเอย มะเขือเทศเอย ต้นหอมเอย..."
       ก่อนหน้าที่อุ้มจะพูดจบ เมต้าไนท์ก็สำลักทันที
       "อ๋อย...ใช่ว่าใส่ทุกอย่างจะมีประโยชน์หมดนะ แค่กๆ"
       "เฮ้! นายไม่พูดตะกุกตะกักแล้วนี่นา!"บุ๊คยืนขึ้น
       "เอ๋"
       "นายไม่รู้ตัวเหรอว่านายเริ่มพูดมากขึ้นแล้วน่ะ"บุ๊คยังพูดต่อไป
       "เอ๋ ทำไมล่ะ..."
       เคอร์บี้ยังคงนั่งทำหน้าขมขื่นต่อไป แต่ก็พยายามพูด
       "นายน่ะ กำลังจะ...แค่กๆ อ๋อย..มีความสุขแน่ๆ"
       "ฉันเนี่ยนะ....ฉันเหรอ..."เมต้าไนท์นั่งนิ่ง
       ทุกคนยังคงนั่งมองเมต้าไนท์ต่อไป ทำท่าทางลุ้น
       "ไม่รู้สิ แต่ว่า ความรู้สึกนี้ ตั้งแต่ตอนมานั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก รู้สึกปล่อยวางจากความกลัวได้"
       เมต้าไนท์พูดออกมาแบบนี้ ทำให้ทุกคนหัวเราะ
       "เอ๋? ฉัน..ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?"
       "ไม่ใช่หรอกจ๊ะ เธอรู้สึกแบบนี้ดีแล้วล่ะ"เจ้าของร้านเดินมาทางเมต้าไนท์ และลูบหัว"ถึงแม้ว่าจะเจออะไรมากัน แต่ถ้าเราอยู่กับใครซักคน แล้วทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ ดีแล้วล่ะ ดีจริงๆ"
       เมต้าไนท์ทำท่าทางเหมือนจะเขินๆ และก้มหน้าลง
       "แต่ว่าถ้าคนที่ตามล่าผมมา แล้วรู้ว่าผมอยู่กับพวกคุณ..."
       "เรื่องนั้นเอาไว้คิดทีหลังเหอะน่า!!!"เคอร์บี้บอก"แค่มีความสุขกับตอนนี้ก็พอแล้วล่ะ!"
       "....อ..อื้ม!"เมต้าไนท์ตอบรับ
       "งั้นพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปแจ้งตำรวจล่ะกัน เรื่องนี้จะปิดเป็นความลับดีที่สุดแล้ว"เจ้าของร้านบอก ทำให้เมต้าไนท์พยักหน้าตอบรับ
       ..........
       ...
       ....
       'คิดว่าจะพักอยู่ที่นี่ได้อีกกี่น้ำเชียว....'
       'เอาไว้หาจังหวะได้ เดี๋ยวฉันจะตามกลับมาเอง...เมต้าไนท์....'