Translate

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

kirby's story of star ep 5 : แสงสว่างกับความมืด (1)

      "อือ....."
      "มีอะไรเหรอ?"
      ฉันถามเมต้าไนท์ เขาถอนหายใจ เหมือนจะมีอะไรไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
      "ฉันอยู่ที่ร้านนี้มาหลายวันแล้วนะ แน่ใจเหรอว่าจะไม่เป็นอะไรจริงๆน่ะ ถ้าเกิดคนจากองค์กรนั้นตามมาเจอ ฉันก็พาพวกนายลำบากด้วยสิ บางทีตามพวกตำรวจว่าไปอยู่ด้วยทีแรกยังดีกว่า"
      เมต้าไนท์บอกฉัน ฉันก็ทำได้แค่พยักหน้าอ่ะนะ แต่เขาก็เป็นคนที่บอกว่าจะปกป้องฉันเองนี่นา
      "จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ทำไมเหมือนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะเลย ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่"ฉันบ่นบ้าง"รึว่าเพราะสภาพแวดล้อม"
      ..........
      "!"
      เมต้าไนท์หันซ้ายขวา มองรอบๆร้านที่เขากับเคอร์บี้ยืนอยู่
      "นายได้ยินเสียงอะไรมั๊ย"เมต้าไนท์ถามเคอร์บี้"เหมือนมีใครมาแอบมองดูพวกเราเลย"
      "หือ ไม่นิ"เคอร์บี้ตอบ"คิดมากเองมั๊--"
      "ชู่ว"เมต้าไนท์ปิดปากเคอร์บี้ เขาหันซ้ายขวาอีกรอบ แล้วเขาก็สดุ้ง
      "ไม่นะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ"
      มีเสียงดังขึ้นมาเหมือนมีกระจกแตก กระจกบานนั้นเป็นกระจกหน้าร้านนั่นเอง เมต้าไนท์รีบพาเคอร์บี้ออกจากครัวมาดูทางหน้าร้าน เจ้าของร้านมองบุคคลที่เพิ่งพังกระจกเข้ามา สีหน้าหวาดกลัว ส่วนที่พังเข้ามานั้นเป็นชาวแคปปี้เหมือนกับเขา มีอีกคนที่ยืนข้างๆคนนั้น เป็นมนุษย์ทั่วๆไป แต่ที่แปลกคือ
      ชาวแคปปี้คนนั้นใส่หน้ากาก..ทุกอย่างเหมือนเมต้าไนท์ ยกเว้นสีตัวที่เป็นสีเทา ส่วนคนนั้นสวมผ้าคลุมสีดำสนิท และมีดวงตาสีแดงหน้ากลัว
      "ไม่จริงน่า-----"
      เมต้าไนท์มอง หน้าตาเขาตื่นผวามาก
      "พวกคุณเป็นใครกันน่ะ!!!"
      เคอร์บี้ตะโกนใส่กลุ่มคนที่พังกระจก
      "พวกฉันเป็นใคร...มันไม่สำคัญหรอก...แต่สิ่งที่ฉันจะทำคือฉันต้องพาเมต้าไนท์กลับไป....เมต้าไนท์....กลับมาสิ....กลับมาสู่แดนที่ท่านผู้นั้นได้สร้างเอาไว้.....ท่านผู้นั้นให้อภัยนาย...."
      ชาวแคปปี้คนนั้นเรียกเมต้าไนท์ แต่เมต้าไนท์ทรุดตัวลงและกุมหัว
      "ไม่! ฉันจะไม่กลับไปอีก! ฉัน..ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ!"
      เมต้าไนท์ยังคงนั่งทรุดตัวลงอยู่กับที่ ชาวแคปปี้คนนั้นเลยเดินเข้าไปใกล้เมต้าไนท์ แล้วหันไปพูดกับคนที่มาด้วย
      "ท่านรองหัวหน้า ทางนี้ให้ผมจัดการเองเถอะ ท่านไปตามหาพี่ของหมอนี้แล้วกำจัดมันซะ"
      "แน่ใจเหรอว่าทำได้น่ะ"
      คนที่เป็นรองหัวหน้าพูดถามเชิงข่มความสามารถ
      "ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถึงจะอายุเท่ากับเขาก็เถอะ..."
      ชาวแคปปี้พูดกับรองหัวหน้า
      "เอางั้นก็ได้ สำหรับร้านนี้ กระผมคงต้องเอาออกจากรายการที่จะพาเข้าไปอยู่ในดินแดนที่วิเศษแห่งนั้นละกัน..."
      "เอ๋"เจ้าของร้านงุนงง
      เมต้าไนท์ค่อยๆลุกขึ้นแล้วหลบหลังเคอร์บี้ เคอร์บี้สังเกตว่าเมต้าไนท์ดูเหมือนจะกลัวชาวแคปปี้คนนี้มากเลยทีเดียว
      "มาสิ....มาด้วยกัน...."ชาวแคปปี้คนนั้นพูดชวนอีกครั้ง"ปกตินายก็ชอบไม่ใช่เหร---"
      "ไม่ใช่! ยังไงฉันก็ไม่ไป! ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว! นายพอเถอะ คิลเลอร์!"
      เมต้าไนท์เรียกชาวแคปปี้คนนั้นว่าคิลเลอร์ ทำให้เขามองด้วยสายตาที่น่ากลัวอีกรอบ
      "ฉันบอกว่าห้ามเรียกชื่อฉันไม่ว่าจะมีอะไร....นายต้องเรียกฉันว่ารองบอสสิ...."คิลเลอร์พูด"นายมันก็แค่คนในองค์กรระดับล่าง....แต่ถ้ามากับฉัน ฉันอาจจะดันนายขึ้นมาเป็นรองบอสด้วยก็ได้นะ...."
      "พี่พอได้แล้วนะ!!!"
      ..........
      เอ๋..เอ๋!?!
      เมต้าไนท์เรียกคนที่ชื่อว่าคิลเลอร์ว่า พี่ งั้นเหรอ
      เดี๋ยวนะๆ มันเกิดอะไรขึ้น
      แต่ทั้งสองคนดูคล้ายกันมากเลย รึว่า...
      ตอนนั้นเมต้าไนท์บอกว่า มีเด็กโตมาด้วยกันกับเขาอีกคนนึง จะเป็นคนนี้?
      แต่ทำไมเขาถึงนึกได้เฉยๆล่ะ
      ฉันได้แต่มองเมต้าไนท์เรียกพี่ให้กับคิลเลอร์ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แล้วฉันก็นึกได้ว่า ฉันมีวาพ์บสตาร์อะไรนั่นอยู่บนห้อง แต่ตอนนี้ก็ขึ้นไปเอาไม่ได้ เพราะมีคิลเลอร์คอยมองตลอดเวลา เจ้าของร้านก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกำลังยืนอึ้งอยู่ ส่วนเมต้าไนท์ก็คงจะไม่ได้อีก เพราะเขาได้แต่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน ไหนบอกว่าจะปกป้องฉันไง
      ..........
      "พะ...พี่ งั้นเหรอ?"
      "ตอนที่ฉันบอกว่าฉันโตขึ้นมากับเด็กอีกคน แต่จำไม่ได้แล้ว ก็คิลเลอร์..พี่นี่แหล่ะ ความจริงเขาเป็นพี่ชายฝาแฝดกับฉัน ฉันบอกว่าจำไม่ได้ ก็คือพี่ในตอนนี้ ฉันจำได้แต่พี่ในความทรงจำตอนเด็กๆของฉันเท่านั้น..."เมต้าไนท์บอก"พี่พอเถอะนะ ยังไงเราก็ยังเป็นฝาแฝดกันอยู่น่ะ..."
       "ฝาแฝดเหรอ....ตอนนี้มันไร้ค่าไปแล้ว! ไร้สาระสิ้นดี!"คิลเลอร์พูดกระแทกเสียงแต่น้ำเสียงนั้นกลับปนไปด้วยความหวั่นไหวไม่น้อย"มากับฉันเดี๋ยวนี้นะ!"
       "พอเถอะพี่! อย่าให้เจ้านั้นมันมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราสิ!"
       เมต้าไนท์มองไปที่ดาบของคิลเลอร์ เขาใช้มันพังประตูเข้ามา ดาบนั่นดูมีรัศมีมืดมิดเต็มไปหมด
       "ผมได้ยินมาจากพวกตำรวจสากลเรื่องสิ่งของที่ทำให้มีบาปติดตัวได้...แล้วก่อนหน้านี้ก็มีเด็กคนนึงเหมือนกับเรา...เขาติดบาปพวกนี้อยู่ไง!"
       เมต้าไนท์บอกคิลเลอร์ เคอร์บี้ที่ยืนอยู่ได้โอกาส จึงรีบวิ่งขึ้นไปบนร้านเพื่อไปเอาวาพ์บสตาร์
       "บาป....งั้นเหรอ..."คิลเลอร์ทวน"ฉันไม่มีอะไรที่ต้องมาติดสิ่งที่ไร้สาระพรรณนี้หรอก"
       "พี่จะว่ามันไร้สาระไม่ได้นะ เพราะคนที่ช่วยให้เด็กคนนั้นหลุดออกจากบาปได้น่ะ คือคนที่ผมหลบหลังเมื่อกี๊ไง!!!"
       "....งั้นเหรอ....จังหวะดีเลย งั้นกำจัดมันไปด้วยละกัน...."
       "ขอร้องล่ะพี่ ถ้าจะฆ่าเขา ก็ฆ่าผมไปก่อนสิ!!!"เมต้าไนท์พูดออกมา เคอร์บี้ที่เดินลงมาพอดีเห็นเข้า ทำให้เขาตกใจมาก
       "เมต้าไนท์! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ เอาตัวเองมาเสี่ยงแทนคนอื่นยังงี้มัน..."
       เคอร์บี้หยุดไป วาพ์บสตาร์ส่องแสงอีกครั้ง คราวนี้เมต้าไนท์ที่อยู่ข้างๆเคอร์บี้มองด้วย
       "ขอร้องเถอะนะ วาพ์บสตาร์! ช่วยพี่ฉันด้วย! ขอร้องเถอะ ขอร้อง!"
       ทันทีที่เมต้าไนท์พูดจบ แสงวาพ์บสตาร์นั้นได้จางลงไป และดับลง
       "ทำไมล่ะ? ทำไม พี่ฉันกำลังแย่นะ!"เมต้าไนท์มองวาพ์บสตาร์ที่เคอร์บี้ถืออยู่ เขาทรุดลงกับพื้นอีกรอบ"พี่ฉัน....ได้โปรดเถอะ...รึว่าฉันเองก็เป็นคนที่ไร้ค่าคนนึงบนโลก...บาปแห่งการมีตัวตนที่ฉันติดมางั้นเหรอ....ดาบแฝดที่ทำให้ฉันกับพี่ต้องมาแตกแยกกันงั้นเหรอ....ตอนนี้....ฉันมันก็แค่คนที่ไร้ค่าเท่านั้นใช่มั๊ย"
       "เมต้าไนท์..."เคอร์บี้เมต้าไนท์"ใจเย็นๆไว้ก่อนสิ..."
       "ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ!"คิลเลอร์ตะโกนออกมา"ชิ!ฉันให้เวลาเอาไว้ก่อนก็ได---เอ๊ะ!"
       คิลเลอร์ที่กำลังจะวิ่งออกจากร้านได้นิ่งลงเมื่อเห็นกับกลุ่มคนที่ยืนมุงกันเต็มร้าน
       "ชิ...คนเต็มไปหมด...ตำรวจใช่มั๊ยล่ะ"
       เหล่าคนที่ยืนมุงร้านอยู่ต่างก็พยักหน้ากันพร้อมเพรียง คิลเลอร์จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และยื่นมือออกไป
       "เอาสิ จับฉันเลย ยังไงฉันก็ไม่ถูกกับแกอยู่ เจ้าพวกตำรวจงี่เง่า บอสถึงไม่พาพวกแกไปอยู่ด้วยไง"
       ..........
       ฉันเห็นคนที่เมต้าไนท์พูดว่าเป็นพี่ชายของตัวเองถูกจับใส่กุญแจมือ เขามองมาทางฉันด้วยสายตาที่อาฆาตมาก ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมต้าไนท์กับคิลเลอร์เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน แล้วทำไมคิลเลอร์ถึงต้องทำอย่างนี้กับน้องชายตัวเอง แต่เหมือนเมต้าไนท์บอกว่า พวกเขาทั้งคู่ก็มีบาปที่ติดมาเหมือนกัน เรื่องนี้มันแปลกๆนะ
       คนรอบข้างฉันทำไมถึงมีบาปอะไรนั่นล่ะ
       ซึ่งที่ตำรวจสากลที่ชื่อว่าฟูมุพูดกับสิ่งที่พ่อบ้านเอสโซ่อดีตตำรวจสากลเล่ามา เรื่องบาปกับคนที่สามารถล้างอะไรนั่น ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะ
       แต่ตอนนี้มันต้องมีอะไรซักอย่างที่เชื่อมโยงกัน และมันก็เชื่อมมาที่ฉันในฐานะคนที่สามารถล้างบาปพวกนั้นได้ ทำไมฉันถึงเป็นคนๆนั้นนะ
       พระเจ้าเลือกฉันเหรอ
       ตอนนี้เมต้าไนท์ได้แต่นั่งทรุดอยู่กับที่ เจ้าของร้านได้เดินเข้ามาปลอบ แล้วพูดว่า คงจะเสียขวัญอะไรทำนองนั้น ผ่านไปซักสามสิบนาที อุ้มกับบุ๊คก็กลับมาร้าน แล้วก็งงกับกระจกร้านที่แตกละเอียด
       "สงสัยต้องซ่อมทั้งสัปดาห์แน่เลย"บุ๊คพูด อุ้มพยักหน้า แต่เหมือนทั้งคู่จะดีใจที่กระจกร้านแตก จะได้ไม่ต้องมาช่วยงาน
       ช่วงเย็นๆ เมต้าไนท์ไม่ลงมากินข้าว ก่อนหน้านั้นเหมือนเขาจะหยิบดาบที่อยู่มุมร้านที่คิลเลอร์วางเอาไว้ขึ้นไปด้วย ฉันเลยยกข้าวไปที่ห้องของเขา พอเคาะประตู เขาก็บอกว่าให้วางไว้หน้าห้อง เขาจะหยิบเข้าไปกินเอง แต่ผ่านไปสามสิบนาที เขาก็ยังไม่เอาข้าวเข้าไป ทำให้ฉันจำเป็นต้องเปิดเข้าไป
       เมต้าไนท์กำลังนั่งซึมบนเตียง เขาวางดาบที่เขาหยิบมาไว้บนโต๊ะ และบ่นเบาๆอะไรซักอย่าง
       "เคอร์บี้..."เมต้าไนท์พูดออกมา"นายเห็นฉันเป็นคนยังไงเหรอ...."
       เอ๋?ทำไมถามยังงั้นล่ะ แต่ฉันก็ต้องไปสินะ
       "นายน่ะ เป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บตัว เงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่บางทีนายก็ดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจัง ใส่ใจในเรื่องทุกเรื่องที่ทำนะ"
       ฉันตอบออกมาจากใจจริงตามที่คิด ก็เขาเป็นแบบนี้นี่นา
       "เหรอ....ตัวฉันน่ะ ไม่ใช่อย่างที่นายคืดหรอกนะ ทั้งอ่อนแอ ทั้งขี้ขลาด ฉันไม่เหมือนพี่ฉันทั้งสองคนซักนิด ฉันพยายามจะทำตัวให้เหมือนเขาทั้งสองคน แต่มันก็ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ครึ่งนีงของพวกเขาด้วยซ้ำ โดยเฉพาะพี่คิลเลอร์ เขาทั้งสมบูรณ์แบบ ทำได้ทุกอย่าง ตอนเด็กๆฉันพยายามหลบหลังเขามาตลอด เขาบอกว่าจะคอยปกป้องฉัน ผ่านมาวันนึง ท่าทีเขาก็ดูแปลกๆไป เพราะเขานั่งงุบงิบอะไรคนเดียว พี่เขาดูเหมือนจะออกห่างทุกคนที่อยู่รอบๆตัว ในสมองคิดแต่เรื่องแก้แค้น ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาแค้นอะไร จนฉันรู้เรื่องพวกของที่เป็นบาปทั้งห้าอะไรนั่น ฉันถึงเข้าใจ เพราะว่าวันนึง บุคคลที่อยู่จุดสูงสุดขององค์กรนั้น ได้ให้ดาบฉันกับพี่มาคนละด้าม ของพี่ฉันดูเหมือนจะมีความแข็งแรงกว่าของฉันมาก และฉันก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนฉันเริ่มหมดความมั่นใจในตัวเองว่า ฉันเป็นใครกันแน่ ฉันพยายามเลียนแบบคนอื่นมานาน เลียนแบบคนหลายคน ฉันเลยไม่มีตัวตนจริงๆตัวเอง...."
        "ไม่ใช่หรอก"ฉันขัดเขาตอนเขากำลังจะพูดต่อ"ตัวนายก็คือตัวนาย นายไม่จำเป็นที่ต้องเลียนแบบคนอื่น นายน่ะมีสิ่งที่ไม่เหมือนใครอยู่นะ"
        ฉันบอกให้กำลังใจเขา และก็ไปนั่งบนเตียงข้างๆ "ฉันว่านายมัวแต่คิดเรื่องนี้ ทำให้นายไม่พยายามเป็นตัวของตัวเอง ถ้านายลองปล่อยวางดูบ้างล่ะ"
         "ปล่อย..วาง?"
         เมต้าไนท์วนคำถามมาที่ฉัน ฉันเลยตอบไปอีกว่า
         "อื้อ ปล่อยวาง สมัยก่อนฉันเคยมีครั้งนึงที่ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง ฉันกลัวแต่ว่าเขาจะชอบสิ่งที่ฉันทำรึไม่ เขาจะยอมรับฉันได้รึเปล่า แต่แม่บอกฉันว่า ถ้าใจเราปล่อยวางทุกสิ่ง ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก เท่านี้ก็ทำให้ใจคนเราสุขได้แล้ว นายเองก็น่าจะเคยคิดนี่ ว่านายกำลังทำในสิ่งที่ถูกรึเปล่า ถ้านายคิดว่าถูกแล้ว นายก็ทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคิดว่าทำผิด นายก็ต้องถอยกลับไปก้าวนึง แล้วเดินเริ่มต้นใหม่ด้วยความมั่นใจว่า คราวนี้ต้องไม่ผิด เอ๊ะ นี่ฉันพูดทำให้นายงงเปล่านี่"
         "ไม่หรอก ที่นายพูดมามันถูกนะ แค่ปล่อยวาง..งั้นเหรอ.."
        เมต้าไนท์มองที่ดาบที่เขาถือเอาไว้ แล้วเขาก็ลุกขึ้นมา เดินออกนอกประตู ฉันเลยตามไป อุ้มกับบุ๊คที่กำลังจะเดินขึ้นมาเจอกับเมต้าไนท์พอดี พวกเขาเลยทักว่า
        "เฮ้ ไปไหนเหรอ? ถ้าอยากเดินเล่น ชายหาดตอนนี้ไม่มีคน กำลังสวยมากเลยนะ"
        ฉันเดินตามเมต้าไนท์ไปติดๆ รู้สึกว่าเมต้าไนท์จะเดินออกจากประตูหลังร้าน ไปทางชายหาด วันนี้พระจันทร์เต็มดวง บวกกับทะเลตอนกลางคืน ทำให้สวยงามมาก แต่ฉันได้ยินเสียงรถมาจอดแถวนี้ แล้วเรียกชื่อฉันด้วย เสียงนี้มันคุ้นๆนา..
        "เคอร์บี้! นี่ฉันเอง ดีดีดีไง! อยู่รึเปล่า!"
        เสียงของดีดีดี ลูกคุณหนูที่เคยถูกเจ้าบาปแห่งความตะกละเข้าสิงอะไรนั่นนี่ มีอะไรรึเปล่านะ ทำให้ถึงมาตอนนี้
        "คุณหน...เอ๊ย ดีดีดี มีอะไรเหรอ ทำไมนายถึงมาหาฉันล่ะ อ้าวคุณพ่อบ้าน สวัสดีครับ"
        ฉันทักพวกเขาทั้งสองคน เมต้าไนท์ก็เดินเข้ามาหาด้วย ดีดีดีเหมือนจะมองๆเมต้าไนท์ แล้วเขาก็พูดออกมา
        "คุณพ่อบ้าน จริงเหรอที่ฝาแฝดของเขาถูกจับอยู่น่ะ"ดีดีดีหันไปทางพ่อบ้าน หลังจากที่บาปแห่งความตะกละได้ถูกฉันล้างไป ดีดีดีก็นิสัยดีขึ้นเยอะ ท่าทางนิสัยพื้นฐานของเขาจะดีสินะ
        "ครับ และเขาก็มีดาบแห่งความแค้นอยู่ด้วย แสดงว่าเด็กคนนี้ก็ต้องมีดาบแห่งอัตตาด้วยแน่นอน เธอน่ะ เหมือนจะมีเรื่องที่ร้อนใจด้วยใช่มั๊ย ฉันคิดว่าเธอคงจะตัดสินใจอะไรได้แล้วสินะ"
         พ่อบ้านของดีดีดีพูด สมัยก่อนเขาเคยเป็นตำรวจสากลที่มีความสามารถมาก่อน และเขาก็เคยอยู่ในเหตุการ์ณเมื่อห้าสิบปีก่อนด้วย เขาจึงรู้เรื่องของดีพเอ็นด์ บาปทั้งห้า และสิ่งอื่นๆที่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจในตอนนี้ดี
        "แต่ก่อนหน้านี้ เธอคงต้องรู้เรื่องนี่ก่อน เธอจำเรื่องที่ผมบอกได้มั๊ย เรื่องช้อนแห่งความตระกละที่คุณหนูเขามี"พ่อบ้านถามฉันต่อ"ผมแปลกใจเพราะว่าตอนที่กลับไปดูที่ช้อนนั้นอีกที มันก็กลายเป็นดาวคล้ายๆกับของเธอเลย วาพ์บสตาร์อีกอันยังไงครับ"
        "วาพ์บสตาร์อีกอันเหรอ?"ฉันทวน"งั้นทำไมล่ะ? ทำไมถึงกลายเป็นวาพ์บสตาร์ได้ล่ะครับ"
        "ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันกับวาพ์บสตาร์ของเธอ แล้วก็คิดว่าสิ่งของที่ต้องบาปทั้งหมดก็น่าจะเป็นเหมือนกัน เมื่อได้รับการชำระบาป สิ่งของพวกนั้นก็จะกลายเป็นวาพ์บสตาร์ แต่ว่าวาพ์บสตาร์ของคุณหนูเป็นสีฟ้าอ่อนครับ ไม่เหมือนกันตรงนี้แหล่ะ"
        พ่อบ้านเอสโซ่อธิบายกับฉัน ถ้างั้นสมมุติว่าเมต้าไนท์ได้ชำระ...เอ่อ ล้างบาปนั่นน่ะ ดาบนั่นก็กลายเป็นวาพ์บสตาร์เหมือนกันเหรอ? แต่เหมือนจะไม่ได้ผลกับเขาเลยถ้าฉันจะช่วยเขา
        รึว่า เขาต้องหลุดพ้นมันด้วยตัวเอง?
        เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถหลุดมันได้ด้วยตัวเองถ้าเขสยังมัวแต่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวตนของตัวเอง แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไปนะ
        เหมือนเขากำลังตัดใจอะไรบางอย่าง
        ตัดสินใจแล้วเหรอ
        ตั้งใจแล้วใช่มั๊ย นายน่ะ
        "เมต้าไนท์ นายว่าไงล่ะ ถ้านายล้างบาปนี่ นายก็หลุดออกมาจากเรื่องที่นายเจอมาหลายอย่างนะ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์ "เคอร์บี้ ช่วยเมต้าไนท์ได้มั๊ย แล้วก็ฉันอยากให้พี่ชายฝาแฝดเขาได้ล้างบาปนั่นด้วยจังเลย"
        "แต่ฉัน...จะทำได้รึเปล่าหรอก..."
        เมต้าไนท์เดินไปทางชายหาดอีกครั้ง ฉันกับดีดีดีเลยเดินตาม คุณพ่อบ้านเข้าไปในร้านเพื่อทักทายเจ้าของร้าน อุ้มแล้วก็บุ๊ค
        "ทำไมล่ะ"ดีดีดีถามอีกรอบ สายตาเขางุนงง
        "วาพ์บสตาร์ คงไม่ให้อภัยในเรื่องที่ฉันทำไปหลายอย่างน่ะสิ"
        "งั้นเหรอ...พรุ่งนี้ให้พ่อบ้านพานายไปหาพี่นายสิ!"
        "เอ๋?"
        ..........
        ติดตามต่อตอนหน้านะแจ๊ะ