"นั่นอะไรน่ะ"
เคอร์บี้ชี้ไปที่กล่องกระดาษลังใบใหญ่ ในขณะที่เขาเดินไปโรงเรียนกับเพื่อน สิ่งที่ตั้งตระหง่าอยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับรถบรรทุกคันเล็กนั้นดูเหมือนโรงเรียนจะสั่งเข้ามา
"ของโรงเรียนล่ะมั๊ง สงสัยเอามาใช้ประกอบการเรียน ดูแล้วน่าจะเป็นของพวกปีสี่ขึ้นไปด้วย"เมต้าไนท์ตอบ เขามองแล้วมองอีก"เหมือนเป็นบานใหญ่ๆ กระจกมั๊ง"
"แล้วโรงเรียนจะเอากระจกมาทำอะไรล่ะ"ดีดีดีถาม"เพิ่มวิชาเลือกรึไง อย่างพวกลีลาศ"
"เหมือนจะอย่างนั้นนะครับ"บานดาน่าสนับสนุนดีดีดี
"ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่"คิลเลอร์พูด"แล้วพวกนายเลือกวิชาเพิ่มเติมกับชมรมรึยังล่ะ"
"ชั้นว่าวิชาเพิ่มเติมชั้นจะไปลงงานประดิษฐ์กับบานดาน่านะ ส่วนชมรมนี่...ยังเลือกไม่ถูกเลย"เคอร์บี้ตอบ"นายลงอะไรเหรอ"
"ก็นะ"คิลเลอร์หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าสีขาวของเขา"ชั้นเขียนเพลนไว้หมดแล้วล่ะว่าจะลงอะไร เพิ่มเติมชั้นจะลงภาษาเยอรมัน ส่วนชมรมชั้นจะไปลงกับกลุ่มฟันดาบน่ะ"
"เอ๋ ไหนพี่ว่าพี่จะลงภาษาฝรั่งเศสไง"เมต้าไนท์หันไปทางคิลเลอร์"แต่ว่าชมรมนี่ผมจะลงชมรมดนตรีนะ"
"หือ? นายเล่นเป็นเหรอ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์
"อื้ม ตอนที่ยังอยู่ในกลุ่มเมดเทอร์ มีคนนึงสอนชั้นเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยล่ะ พวกนายคิดไม่ถึงใช่มั๊ย ส่วนพี่เขาก็เล่นเบสได้นะ"
"แล้วทำไมนายไม่ลงกับเมต้าไนท์ล่ะ"เคอร์บี้หันไปหาคิลเลอร์"นายก็เล่นได้นี่"
"ชั้น...เอาตามที่ตัวเองถนัดดีกว่านะ"คิลเลอร์ตอบด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะปัดคำถามทิ้ง"แล้วนายล่ะบานดาน่า ชมรมอะไร"
"ของผมจะเข้าชมรมศิลปะครับ อยากลองวาดรูปอะไรที่มันได้ใช้ทักษะ ได้ใช้ผ้าใบวาดรูป คิดดูก็น่าสนุกแล้วครับ"บานดาน่าตอบพลางยิ้ม
"ชั้นจะเข้าชมรมเทนนิสล่ะ ชั้นก็เล่นเป็นนะ!"ดีดีดียกมือขึ้น
"หว๋า...คนอื่นตัดสินใจได้หมดแล้วเหรอเนี่ย"เคอร์บี้พูด"เอาไงดีล่ะ..."
"มาเข้าชมรมเดียวกันกับผมก็ได้นะครับ"บานดาน่าพูด"เขามีบอกว่าถ้าไม่พอใจชมรมที่อยู่ก็สามารถยื่นเรื่องย้ายชมรมได้ และประธานชมรมทั้งสองฝ่ายต้องยินยอมด้วย"
"เหรอ..สงสัยทั้งเพิ่มเติมทั้งชุมนุมก็ได้อยู่กับบานดาน่าแฮะ"เคอร์บี้หัวเราะ"งั้นชั้นจะเข้าชมรมเดียวกับนายละกัน"
"นี่นายไม่คิดให้มากกว่านี้เลยรึไงเนี่ย"คิลเลอร์บ่นพึมพัม แต่เขาก็ยังคงมองกระดาษที่เขียนเอาไว้
"มีอะไรเหรอพี่ มองกระดาษแผ่นนี้นานแล้วนะ"เมต้าไนท์ถาม คิลเลอร์จึงรีบเอากระดาษเก็บเข้ากระเป๋าทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน และหัวเราะแห้งๆแก้ต่างให้ตัวเอง
"เปล่าหรอกๆ ชั้นแค่ดูเฉยๆน่ะว่าเขียนถูกรึเปล่า"
เคอร์บี้หันมามองที่คิลเลอร์ เขากำลังสงสัยว่าคิลเลอร์มีเรื่องอะไรที่ลังเลอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเคอร์บี้ก็ปัดเรื่องนี้ทิ้ง เพราะว่าได้ยินเสียงของบุนวิ่งตามหลังมา
"รอด้วยยยยยย"
บุนวิ่งมาถึงกลุ่มของเคอร์บี้ที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนพอดี เขาหอบ และเงยหน้ามาพูดกับเคอร์บี้ว่า
"โธ่ ชั้นวิ่งตามตั้งไกลนะ! เรียกด้วย ทีหลังรอกันด้วยสิ"
"แฮะๆ โทษนะ ไม่ได้ยินเลยแฮะ"เคอร์บี้ตอบกลับ"เอาล่ะ เดินเข้าไปกันเถอะ ตอนเที่ยงค่อยเจอกันนะ"
..........
อ๊ะ
ทำไมรู้สึกแปลกๆนะ
"มีอะไรเหรอ คุณเทพเจ้าเอไอ"
ฟูมุ ตำรวจสากลชาวญี่ปุ่นหันมาพูดด้วย เธอเป็นคนที่เราขอมาอยู่ด้วย
ผ่านไปหลายเดือนแล้วหลังจากที่เราได้รู้ถึงนอร์มอล สิ่งที่ทำให้เรานั้นสมบูรณ์ กลายเป็นเอไอที่ควบคุมโลกได้อย่างเต็มที่ นอร์มอลที่เราเรียนรู้นั้นมาจากชาวแคปปี้ที่ชื่อว่าเคอร์บี้ เขาเป็นต้นแบบอารมณ์พื้นฐานของเรา
เราเลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เอาหูฟังที่เป็นศูนย์แกนควบคุมโลกออก และเก็บไว้ในกระเป๋า ซึ่งแปลว่าถ้าเราไม่มีหูฟังนี้ เราก็เป็นแค่ชาวแคปปี้ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ทว่าเรายังมีส่วนหนึ่งที่ยังรับรู้ได้ในสมองชิพของเรา มันเป็นชิพลางสังหรณ์ ปกติเราไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่...คือลางสังหรณ์รึเปล่านะ
รู้สึกเหมือนจะมีอะไรที่ไม่ค่อยจะดีเกิดขึ้นกับเคอร์บี้อีกครั้ง
"เรา...รู้สึกแปลกๆน่ะ"เราตอบฟูมุไป
"นี่ เวลาพูดกับคนที่อายุมากกว่า เธอต้องใช้คำว่าผม เวลาลงท้ายก็ใช้คำว่าครับด้วยล่ะ"ฟูมุบอกเรา"เรียกคำนำหน้าว่าคุณด้วยนะ"
"ขอโทษ...ครับ"เราค่อยๆพยายามเรียนรู้ความเป็นคนจาก...คุณฟูมุ เธอเป็นคนที่สอนเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
"แล้ว...ทำไมคิดว่าแปลกล่ะ"
"...ผมรู้สึกเคอร์บี้เค้ากำลังจะต้องเจอกับเรื่องประหลาดๆให้อีกครั้งครับ"เราต้องตอบความรู้สึกที่มี"แปลกนะครับ จากที่คำนวนมา มันมีผลประมวลว่า ผมกับเคอร์บี้มีจุดเชื่อมกันมากกว่าที่คิด"
"อืม...เรื่องนี้คงต้องให้ทางเทคนิคเค้าช่วยให้ด้วยแหล่ะนะ แต่ว่าชั้นจะแอบถามละกัน เพื่อไม่ให้ตัวตนเธอถูกเปิดเผยด้วย"คุณฟูมุพูดกับเรา"อีกอย่างนะ เธอเลิกใช้คำว่าเรากับตัวเองเถอะ มันแปลกๆเวลาพูดกับคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วย รุ่นเดียวกัน....จะว่ารุ่นเดียวกันดีมั๊ยล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าคนที่อายุเท่าเคอร์บี้แล้วกัน ก็เรียกคำแทนตัวเองว่าชั้นดีกว่า ส่วนคนที่อายุมากกว่าเรียกแทนว่าผม รุ่นเด็กกว่าเคอร์บี้ก็เรียกว่าพี่รึว่าชั้น"
"ครับ"เร....ตอนนี้ชั้นสินะ ตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าชั้นนั้นได้ส่วนนึงมาจากเขารึเปล่าที่ทำไมมีความรู้สึกว่าจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้
มีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องกำลังจะเกิดขึ้นกับเคอร์บี้ แต่คราวนี้ไม่เกี่ยวกันตรงๆ คนข้างๆเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องตรงๆ แล้วคนนั้นก็....
..........
"เอ๋? กระจกนั่นเป็นของห้องเรียนชั้นปีหนึ่งเหรอ"เคอร์บี้พูดกับบุน เมต้าไนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยาอยู่โต๊ะข้างหน้าพวกเขา"แล้วทำไมเราถึงได้ล่ะ"
"ไม่รู้สิ ปีนี้มีการทดลองอะไรรึงานวิจัยอะไรที่เกี่ยวกับกระจกที่ต้องขอให้ปีหนึ่งจัดการมั๊ง"
"แต่ดูแล้วเหมือนกระจกตกแต่งมากกว่านะ"เมต้าไนท์เงยหน้าขึ้น
"นั่นสิ ทำไมรู้สึกแปลกๆกับกระจกนั่นกันนะ...."เคอร์บี้เหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง
"เพราะอะไรล่ะ"บุนถามเคอร์บี้ เขาสดุ้งทันที
"..ก..ก็นะ"เคอร์บี้เรียกสติกลับมา"ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาเกิดขึ้นแน่ๆ...แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์เองนะ! อาจจะไม่ใช่ก็ได้ คงคิดมากไปเองแหล่ะ"
บุนยังคงมองเคอร์บี้ด้วยสายตาสงสัย เคอร์บี้ทำหัวเราะเพื่อปัดทิ้ง
"เอ่อ....งั้นเดี๋ยวชั้นไปห้องน้ำก่อนนะ"บุนบอกทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น"ไม่ต้องนานหรอก"
บุนวิ่งไปทางห้องน้ำ เมต้าไนท์หันไปพูดกับทุกคนที่ยืนอยู่ด้วยว่า
"นายว่ามันแปลกๆมั๊ย"
"ยังไงเหรอ"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์คืน
"ไม่รู้สิ แต่มันแปลกๆ.."เมต้าไนท์ยังคงมองบุน"ชั้นว่าบุนเค้า...."
เคอร์บี้ชี้ไปที่กล่องกระดาษลังใบใหญ่ ในขณะที่เขาเดินไปโรงเรียนกับเพื่อน สิ่งที่ตั้งตระหง่าอยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับรถบรรทุกคันเล็กนั้นดูเหมือนโรงเรียนจะสั่งเข้ามา
"ของโรงเรียนล่ะมั๊ง สงสัยเอามาใช้ประกอบการเรียน ดูแล้วน่าจะเป็นของพวกปีสี่ขึ้นไปด้วย"เมต้าไนท์ตอบ เขามองแล้วมองอีก"เหมือนเป็นบานใหญ่ๆ กระจกมั๊ง"
"แล้วโรงเรียนจะเอากระจกมาทำอะไรล่ะ"ดีดีดีถาม"เพิ่มวิชาเลือกรึไง อย่างพวกลีลาศ"
"เหมือนจะอย่างนั้นนะครับ"บานดาน่าสนับสนุนดีดีดี
"ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่"คิลเลอร์พูด"แล้วพวกนายเลือกวิชาเพิ่มเติมกับชมรมรึยังล่ะ"
"ชั้นว่าวิชาเพิ่มเติมชั้นจะไปลงงานประดิษฐ์กับบานดาน่านะ ส่วนชมรมนี่...ยังเลือกไม่ถูกเลย"เคอร์บี้ตอบ"นายลงอะไรเหรอ"
"ก็นะ"คิลเลอร์หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าสีขาวของเขา"ชั้นเขียนเพลนไว้หมดแล้วล่ะว่าจะลงอะไร เพิ่มเติมชั้นจะลงภาษาเยอรมัน ส่วนชมรมชั้นจะไปลงกับกลุ่มฟันดาบน่ะ"
"เอ๋ ไหนพี่ว่าพี่จะลงภาษาฝรั่งเศสไง"เมต้าไนท์หันไปทางคิลเลอร์"แต่ว่าชมรมนี่ผมจะลงชมรมดนตรีนะ"
"หือ? นายเล่นเป็นเหรอ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์
"อื้ม ตอนที่ยังอยู่ในกลุ่มเมดเทอร์ มีคนนึงสอนชั้นเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยล่ะ พวกนายคิดไม่ถึงใช่มั๊ย ส่วนพี่เขาก็เล่นเบสได้นะ"
"แล้วทำไมนายไม่ลงกับเมต้าไนท์ล่ะ"เคอร์บี้หันไปหาคิลเลอร์"นายก็เล่นได้นี่"
"ชั้น...เอาตามที่ตัวเองถนัดดีกว่านะ"คิลเลอร์ตอบด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะปัดคำถามทิ้ง"แล้วนายล่ะบานดาน่า ชมรมอะไร"
"ของผมจะเข้าชมรมศิลปะครับ อยากลองวาดรูปอะไรที่มันได้ใช้ทักษะ ได้ใช้ผ้าใบวาดรูป คิดดูก็น่าสนุกแล้วครับ"บานดาน่าตอบพลางยิ้ม
"ชั้นจะเข้าชมรมเทนนิสล่ะ ชั้นก็เล่นเป็นนะ!"ดีดีดียกมือขึ้น
"หว๋า...คนอื่นตัดสินใจได้หมดแล้วเหรอเนี่ย"เคอร์บี้พูด"เอาไงดีล่ะ..."
"มาเข้าชมรมเดียวกันกับผมก็ได้นะครับ"บานดาน่าพูด"เขามีบอกว่าถ้าไม่พอใจชมรมที่อยู่ก็สามารถยื่นเรื่องย้ายชมรมได้ และประธานชมรมทั้งสองฝ่ายต้องยินยอมด้วย"
"เหรอ..สงสัยทั้งเพิ่มเติมทั้งชุมนุมก็ได้อยู่กับบานดาน่าแฮะ"เคอร์บี้หัวเราะ"งั้นชั้นจะเข้าชมรมเดียวกับนายละกัน"
"นี่นายไม่คิดให้มากกว่านี้เลยรึไงเนี่ย"คิลเลอร์บ่นพึมพัม แต่เขาก็ยังคงมองกระดาษที่เขียนเอาไว้
"มีอะไรเหรอพี่ มองกระดาษแผ่นนี้นานแล้วนะ"เมต้าไนท์ถาม คิลเลอร์จึงรีบเอากระดาษเก็บเข้ากระเป๋าทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน และหัวเราะแห้งๆแก้ต่างให้ตัวเอง
"เปล่าหรอกๆ ชั้นแค่ดูเฉยๆน่ะว่าเขียนถูกรึเปล่า"
เคอร์บี้หันมามองที่คิลเลอร์ เขากำลังสงสัยว่าคิลเลอร์มีเรื่องอะไรที่ลังเลอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเคอร์บี้ก็ปัดเรื่องนี้ทิ้ง เพราะว่าได้ยินเสียงของบุนวิ่งตามหลังมา
"รอด้วยยยยยย"
บุนวิ่งมาถึงกลุ่มของเคอร์บี้ที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนพอดี เขาหอบ และเงยหน้ามาพูดกับเคอร์บี้ว่า
"โธ่ ชั้นวิ่งตามตั้งไกลนะ! เรียกด้วย ทีหลังรอกันด้วยสิ"
"แฮะๆ โทษนะ ไม่ได้ยินเลยแฮะ"เคอร์บี้ตอบกลับ"เอาล่ะ เดินเข้าไปกันเถอะ ตอนเที่ยงค่อยเจอกันนะ"
..........
อ๊ะ
ทำไมรู้สึกแปลกๆนะ
"มีอะไรเหรอ คุณเทพเจ้าเอไอ"
ฟูมุ ตำรวจสากลชาวญี่ปุ่นหันมาพูดด้วย เธอเป็นคนที่เราขอมาอยู่ด้วย
ผ่านไปหลายเดือนแล้วหลังจากที่เราได้รู้ถึงนอร์มอล สิ่งที่ทำให้เรานั้นสมบูรณ์ กลายเป็นเอไอที่ควบคุมโลกได้อย่างเต็มที่ นอร์มอลที่เราเรียนรู้นั้นมาจากชาวแคปปี้ที่ชื่อว่าเคอร์บี้ เขาเป็นต้นแบบอารมณ์พื้นฐานของเรา
เราเลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เอาหูฟังที่เป็นศูนย์แกนควบคุมโลกออก และเก็บไว้ในกระเป๋า ซึ่งแปลว่าถ้าเราไม่มีหูฟังนี้ เราก็เป็นแค่ชาวแคปปี้ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ทว่าเรายังมีส่วนหนึ่งที่ยังรับรู้ได้ในสมองชิพของเรา มันเป็นชิพลางสังหรณ์ ปกติเราไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่...คือลางสังหรณ์รึเปล่านะ
รู้สึกเหมือนจะมีอะไรที่ไม่ค่อยจะดีเกิดขึ้นกับเคอร์บี้อีกครั้ง
"เรา...รู้สึกแปลกๆน่ะ"เราตอบฟูมุไป
"นี่ เวลาพูดกับคนที่อายุมากกว่า เธอต้องใช้คำว่าผม เวลาลงท้ายก็ใช้คำว่าครับด้วยล่ะ"ฟูมุบอกเรา"เรียกคำนำหน้าว่าคุณด้วยนะ"
"ขอโทษ...ครับ"เราค่อยๆพยายามเรียนรู้ความเป็นคนจาก...คุณฟูมุ เธอเป็นคนที่สอนเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
"แล้ว...ทำไมคิดว่าแปลกล่ะ"
"...ผมรู้สึกเคอร์บี้เค้ากำลังจะต้องเจอกับเรื่องประหลาดๆให้อีกครั้งครับ"เราต้องตอบความรู้สึกที่มี"แปลกนะครับ จากที่คำนวนมา มันมีผลประมวลว่า ผมกับเคอร์บี้มีจุดเชื่อมกันมากกว่าที่คิด"
"อืม...เรื่องนี้คงต้องให้ทางเทคนิคเค้าช่วยให้ด้วยแหล่ะนะ แต่ว่าชั้นจะแอบถามละกัน เพื่อไม่ให้ตัวตนเธอถูกเปิดเผยด้วย"คุณฟูมุพูดกับเรา"อีกอย่างนะ เธอเลิกใช้คำว่าเรากับตัวเองเถอะ มันแปลกๆเวลาพูดกับคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วย รุ่นเดียวกัน....จะว่ารุ่นเดียวกันดีมั๊ยล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าคนที่อายุเท่าเคอร์บี้แล้วกัน ก็เรียกคำแทนตัวเองว่าชั้นดีกว่า ส่วนคนที่อายุมากกว่าเรียกแทนว่าผม รุ่นเด็กกว่าเคอร์บี้ก็เรียกว่าพี่รึว่าชั้น"
"ครับ"เร....ตอนนี้ชั้นสินะ ตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าชั้นนั้นได้ส่วนนึงมาจากเขารึเปล่าที่ทำไมมีความรู้สึกว่าจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้
มีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องกำลังจะเกิดขึ้นกับเคอร์บี้ แต่คราวนี้ไม่เกี่ยวกันตรงๆ คนข้างๆเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องตรงๆ แล้วคนนั้นก็....
..........
"เอ๋? กระจกนั่นเป็นของห้องเรียนชั้นปีหนึ่งเหรอ"เคอร์บี้พูดกับบุน เมต้าไนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยาอยู่โต๊ะข้างหน้าพวกเขา"แล้วทำไมเราถึงได้ล่ะ"
"ไม่รู้สิ ปีนี้มีการทดลองอะไรรึงานวิจัยอะไรที่เกี่ยวกับกระจกที่ต้องขอให้ปีหนึ่งจัดการมั๊ง"
"แต่ดูแล้วเหมือนกระจกตกแต่งมากกว่านะ"เมต้าไนท์เงยหน้าขึ้น
"นั่นสิ ทำไมรู้สึกแปลกๆกับกระจกนั่นกันนะ...."เคอร์บี้เหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง
"เพราะอะไรล่ะ"บุนถามเคอร์บี้ เขาสดุ้งทันที
"..ก..ก็นะ"เคอร์บี้เรียกสติกลับมา"ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาเกิดขึ้นแน่ๆ...แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์เองนะ! อาจจะไม่ใช่ก็ได้ คงคิดมากไปเองแหล่ะ"
บุนยังคงมองเคอร์บี้ด้วยสายตาสงสัย เคอร์บี้ทำหัวเราะเพื่อปัดทิ้ง
"เอ่อ....งั้นเดี๋ยวชั้นไปห้องน้ำก่อนนะ"บุนบอกทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น"ไม่ต้องนานหรอก"
บุนวิ่งไปทางห้องน้ำ เมต้าไนท์หันไปพูดกับทุกคนที่ยืนอยู่ด้วยว่า
"นายว่ามันแปลกๆมั๊ย"
"ยังไงเหรอ"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์คืน
"ไม่รู้สิ แต่มันแปลกๆ.."เมต้าไนท์ยังคงมองบุน"ชั้นว่าบุนเค้า...."
เมต้าไนท์หันหน้าหนีเคอร์บี้และปัดทิ้ง ชวนเคอร์บี้คุยเรื่องอื่น
..........
"ฮัลโหล?"
"ว่าไง...บุน คงมีความสุขกับชีวิตเรียนล่ะสิ"
"ก็ดีนะ แต่ว่าชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะไม่ไปยุ่งกับกลุ่มพวกแกอีกแล้ว แล้วแกโทรมาหาชั้นทำไม"
"คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะสิ....อดีตผู้คุมโลกกระจก...."
"ชั้นบอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกไง!!!!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์เครื่องนั้น"ชั้นไม่อยากจะยุ่งกับมันอีกแล้ว!"
"เหรอ...แล้วกระจกที่อยู่ในโรงเรียนล่ะ? นั่นไม่ใช่กระจกมิติเหรอ?"
บุนนิ่งไประยะหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือกลงไปทันที
"แกเข้าไปในโลกแห่งนั้นหลายปีที่แล้ว และที่นั่นก็แช่อายุของแกไว้ด้วย แกเข้าไปตอนแกอายุสิบสามนี่ แกเข้าไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ถึงได้เป็นคนที่คุมโลกกระจกได้ รักษาสมดุลได้ พอชั้นเข้าไปและเจอแก แกก็บอกว่าให้ชั้นช่วยดูแลด้วยนี่นา พอชั้นเริ่มสร้างสิ่งที่ชั้นอยากสร้าง แกก็มาห้ามชั้น บอกว่าเสียสมดุล ชั้นทนไม่ไหวที่มีแกคอยมาห้ามนู่นนี่ทุกอย่างจนชั้นต้องไล่แกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่"
"...นี่แก...คิดจะทำอะไรน่ะ...."
"ชั้นจะบอกว่าตอนนี้ชั้นก็ออกมาจากโลกกระจกแล้วเหมือนกัน และอยู่ในโรงเรียนแกด้วย ชั้นเฝ้ามองแกทุกย่างก้าว จริงสิ...แกรู้จักกับกลุ่มเด็กที่ล้างบาปได้นี่นา ไม่สิ...เดี๋ยวนี้ชาวบ้านพากันเรียกพวกเขาว่า ไฟฟ์ซิน นี่..."
"รึว่าแก...."
"ชั้นจะเล่นงานเพื่อนของแกให้เป็นชิ้นเล็กๆตามคำสั่งของคนที่ชั้นสมาคมอยู่ด้วยไง....แต่ก็นะ ชั้นจะไม่เล่นงานผู้นำของไฟฟ์ซิน...เคอร์บี้หรอกนะ แต่ที่ชั้นจะเล่นงานน่ะ....ฮึ ไม่พูดดีกว่า ชั้นอยากให้พวกมันมาเห็นคนที่พวกมันไม่ได้เจอมานานในสภาพที่ไม่จืดแบบนี้เร็วๆจัง..."
"แกจะทำอะไรแกก็มาเล่นงานชั้นตรงๆสิ!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์อีกครั้ง"ชั้นไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวด้วยต้องมาเจอกับแกหรอก!"
"งั้นชั้นให้เวลาปีนึงในการหาชั้นในโรงเรียนนี้ แกจะบอกเพื่อนแกก็ได้นะ....."
บุนมองไปที่สายที่เขาคุยด้วย ไม่โชว์เบอร์ และก็ตัดไป
"....ชั้น...จะไม่บอกพวกเขา...."
..........
"อืม....."ชั้นมองไปที่จานข้าวของบุน เขาเหมือนใจลอยตลอดเวลาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องเรียนหลังจากที่ไปห้องน้ำแล้ว มีอะไรรึเปล่านะ
"เอ้า กินสิ เดี๋ยวก็มีเรียนต่อก็ไม่ได้กินแล้วนะ!"ดีดีดีพูดกับบุน เขาเอามือมาวางบนไหล่บุน
"..เบื่ออาหารรึเปล่าครับ ผมมีผงบ๊วยนะ โรยข้าวนิดหน่อยจะเพิ่มความอยากอาหารขึ้นครับ"บานดาน่าหยิบขวดผงสีชมพูเล็กๆขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา
"เปล่าหรอก...แค่ว่า...."บุนส่ายหน้าและเริ่มตักข้าวเข้าปาก ชั้นเห็นแล้วก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย
วันนี้บรรยากาศมันเหมือนฝนจะตกยังไงยังงั้นเลยแฮะ
"ชั้นว่าเรารีบกินข้าวรีบเข้าไปในตึกดีกว่านะ..."ชั้นบอกทุกคนที่นั่งอยู่"ดีไม่ดี เดี๋ยวก็ตกแล้วด้วย ฝนน่ะ"
"นั่นสิ"คิลเลอร์ขอผงบ๊วยบานดาน่ามาโรยบนข้าวสวยนิดหน่อยและคืน เขาตักข้าวร้อนๆเข้าปาก เคี้ยว และกลืนลงไป"วันนี้ก็เริ่มเข้าชมรมเลยนี่"
"อือ"เมต้าไนท์ตอบพี่ชายของเขา ตักข้าวเข้าปากเหมือนกัน"จะว่าไปแล้ว วันนี้เราต้องไปทำงานพิเศษด้วยนี่"
"ใช่ สงสัยได้เลิกดึกอีกแน่ๆ"
"เอ๋ พวกนายทำงานพิเศษที่ไหนเหรอ? อยากเห็นจังเลย!"ชั้นถามสองคนนั้นทันที แต่คิลเลอร์ดูร้อนรนกว่าที่คิด เขาปัดคำถามทิ้งด้วยคำพูดว่า นายไม่ต้องรู้หรอกน่า ส่วนเมต้าไนท์ก็ทำเป็นกินข้าวต่อไป
ทำไมต้องปิดกันขนาดนี้ด้วยนะ
"เอาเถอะๆ ยังไงก็รีบกินข้าวเถอะนะ"ดีดีดีพูด"อยากเล่นเทนนิสไวๆแล้วล่ะสิ!"
"ผมก็อยากลองทดสอบฝีมือดูเหมือนกันนะครับ ถ้าเคอร์บี้เลิกก่อนก็รอผมด้วยละกัน"บานดาน่าบอกชั้น
"ชั้น...จะลอง...."คิลเลอร์พูดเสียงเบา"อ๊ะ! ไม่มีอะไรหรอก"
พูดถึงเรื่องชมรมทีไร คิลเลอร์ต้องออกอาการแปลกๆทุกที แถมมองไปที่เมต้าไนท์ด้วย ถ้าเดาไม่ผิด รึว่าเขา...
"ชั้นจะลองพยายามเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าดู ถ้าโอเคล่ะก็นะ..."เมต้าไนท์พูด"มันเว่อร์ไปรึเปล่าถ้าจะพูด แต่ชั้นอยากลองเข้าวงของโรงเรียนน่ะ"
"ไม่หรอกๆ ถ้าเป็นนาย นายทำได้แน่"คิลเลอร์บอกเมต้าไนท์"อยากทำอะไรก็ทำไปสิ ชั้นจะคอยดูอยู่ข้างๆเอง"
..........
"เคอร์บี้ๆ"บานดาน่าทักชั้นในคาบชมรม เขามีสายตาที่ดูมีเรื่องคาใจ
"อะไรเหรอ"
"เรื่องของบุนน่ะสิ เคอร์บี้ว่าเขาแปลกๆไปรึเปล่าครับ"
"เอ๋ บุนน่ะเหรอ"ชั้นพูดขึ้นมา"...นั่นสิ ชั้นก็ว่าเขาแปลกๆอยู่นะ เหมือนอยากบอกอะไรพวกเรา"
"ใช่มั๊ยครับ ใช่มั๊ย!"บานดาน่าพูด"เอาไว้เลิกเรียนแล้วเราถามเขากันเถอะ!"
บานดาน่ามีสายตากระตือรือร้นขึ้นมาทันที
ตั้งแต่รู้จักกันมา บานดาน่ากับคิลเลอร์ สองคนนี้เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องใดๆก็ตามที่สุด แต่สองคนนี้มีอะไรที่ต่างกันอยู่ คิลเลอร์จะจริงจังในแบบผู้ใหญ่ ตัดสินใจได้เฉียบขาด ความมุ่งมั่นก็สูง สมกับเป็นคนที่เคยเป็นรองหัวหน้าฝ่ายตามล่าของเมดเทอร์มาก่อน ส่วนบานดาน่าจะจริงจังในแบบของคนที่ทุ่มสุดตัวให้กับทุกสิ่ง ให้คำแนะนำคนรอบข้างได้ดี ความรับผิดชอบสูง เคยเป็นประธานนักเรียน
แต่เอาจริงๆแล้ว ชั้นชอบความจริงจังของบานดาน่ามากกว่าคิลเลอร์เสียอีก เพราะว่าเหมือนคิลเลอร์ขาดอะไรไปบางอย่างในตัวของเขา
"จะว่าไปแล้วนะครับ ทุกคนนี่มีจุดเด่นไม่เหมือนกันเลยนะ"บานดาน่ามองมาที่ชั้น
"จุด...เด่น?"
"อื้ม แต่นะ ถ้ามีจุดเด่นก็ต้องมีจุดด้อยบ้างล่ะ"
"งั้น..นายลองพูดมาสิ ชั้นอยากฟังน่ะ"ชั้นยิ้มให้บานดาน่า เขายิ้มตอบและพูดต่อ
"ดีดีดีน่ะ เขาเป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยใส่ใจสิ่งรอบข้างเขาเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วถ้ามีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างเขา เขาพร้อมจะเข้าไปช่วยเสมอ เหมือนตอนที่เคอร์บี้กำลังแย่ไงครับ เขามาถึงคนแรกเลยที่ท่าเรือ ถึงผมจะมาพร้อมเขาก็เถอะนะ"
"เมต้าไนท์..นิสัยของเขา เขาเป็นคนที่มีบางครั้งที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่เขาจะคอยเอาใจใส่กับเพื่อนเสมอ เพราะว่าเขาเชื่อมั่นเพื่อนมากกว่าสิ่งใด ผมว่าเขาคงจะเกลียดมากด้วยเวลาที่มีใครมาทำอะไรเพื่อนของเขา ฝีมือในการใช้ดาบของเขานี่ถือว่าสุดยอดมากนะครับสำหรับคนที่อายุเท่าๆพวกเรา"
"คิลเลอร์ เป็นคนที่ทำตัวเงียบขรึม เป็นผู้ใหญ่ ไร้ซึ่งจุดบอด แต่เอาจริงๆแล้วจิตใจของเขาเป็นเพียงแค่เด็กชายที่เอาแต่ใจเท่านั้น ที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะโตขึ้นมากับสังคมที่มีแต่คนปั้นเขาให้เป็นผู้นำของกลุ่มตามล่า เท่าที่ดูมาเขาน่ะ ไม่ได้ทำตามใจตัวเองเลยซักครั้งเดียว"
"ผมน่ะ...จะว่าไงดีนะ..."
"นายน่ะ เป็นเหมือนคุณพ่อในกลุ่มเราไง"ชั้นตอบเขาไป"ทั้งใจดี เรียบง่าย มีเหตุผลเสมอ ใครๆก็ชอบนาย ทั้งยังเรียนดีมีความรับผิดชอบ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"บานดาน่าเขิน"มิโดริ น้องสาวของเคอร์บี้ก็ฉลาดเป็นกรด วางแผนเส้นทางต่างๆได้ดี การคาดการ์ณของเธอมีโอกาสพลาดเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นเองครับ เธอเป็นคนนึงที่ผมว่าอนาคตต้องมีคนอยากให้เธอไปทำงานเป็นนักสืบแน่ๆ"
"หืม...น้องสาวชั้นสุดยอดขนาดเลยเหรอ"ชั้นพูดกับบานดาน่า"แต่ชั้นมันไม่มีอะไรที่ดีเลยนี่สิ ไม่โดดเด่นเอาซะเล--"
"จุดเด่นของเคอร์บี้ก็คือรอยยิ้มยังไงล่ะครับ"บานดาน่ายิ้มให้ชั้น
รอยยิ้มเหรอ?
"รอยยิ้มของเคอร์บี้เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมากเลยล่ะ แววตาของเคอร์บี้เองถ้าได้จ้องก็คงรู้สึกเหมือนมีดาวนับพันๆดวงอยู่ภายใต้นัยตาสีน้ำเงินเข้มด้วย และเคอร์บี้ก็เป็นคนที่ชอบพูดให้ความหวังกับคนอื่นด้วยนี่นา"
"เอ้ายิ้มสิครับ ผมชอบนะเวลาที่เคอร์บี้ยิ้ม รอยยิ้มนั้นน่ะก็ให้กำลังใจผมด้วยนะ"
...ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อเลยแหะ เล่นมาแบบนี้
บานดาน่าบอกว่า ข้อดีชั้นคือรอยยิ้มที่มอบกำลังใจให้ทุกคนเหรอ?
ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่มัน...รู้สึกดีไม่ใช่น้อย
บานดาน่าเห็นข้อดีของทุกคนและดึงมันออกมาพูด ซึ่งนั่นทำให้ชั้นคิดว่า บานดาน่าเป็นคนหนึ่งที่เหมาะจะเป็นคนที่ล้างบาปมากกว่าชั้น
แต่บานดาน่าบอกว่าชั้นเป็นคนที่ล้างบาปได้เพราะเหตุผลนี้น่ะเหรอ?
โธ่..ดีพเอ็นด์ ถ้านายได้ยิน นายมาบอกชั้นหน่อยได้มั๊ยว่าเพราะอะไร ชั้นอยากรู้มานานแล้วนะ
..........
"บุน! บุน! นายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอยู่รึเปล่า!"เคอร์บี้วิ่งเข้าไปหาบุนหลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว"นายดู.."
"มะ..ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ"บุนตอบเขากลับและรีบหันหลังหนี"ชั้นกลับก่อนนะ!"
"อย่าลืมกินยาล่ะ นอนให้มากๆด้วย!"เคอร์บี้ตะโกนตามหลังไป และหันมาทางบานดาน่า"จริงๆด้วย เขามีอะไรที่ไม่ยอมบอกเรา"
"นั่นสิ..แต่ว่า ดีดีดีไปไหนแล้วล่ะครับ"
"เอ๋?"
เคอร์บี้หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาดีดีดี จนเขาเห็นดีดีดีกำลังตีลูกเทนนิสกับรุ่นพี่ปีสามปีสี่อยู่
"ว้าว กล้ามเนื้อแขนเขาแข็งแรงดีจัง"เคอร์บี้พูดกับบานดาน่า
"ถ้าให้ถือไม้ค้อนหนักสิบกิโลนี่ ผมว่าเขาก็ยังสบายๆเลยนะครับ"บานดาน่ามองที่ดีดีดี"เอ๊ะ นั่นคิลเลอร์นี่ครับ"
บานดาน่าชี้ไปทางด้านหลังรั้วอีกฝั่งของสนามเทนนิส คิลเลอร์กำลังถือถุงพลาสติกที่มีกล่องอยู่ข้างในเข้าไปในตึกเล็กๆ
"อืม..นั่นมันโรงซ้อมดาบนี่นา"เคอร์บี้บอกกับบานดาน่า"ท่าทางเขาคงออกไปซื้ออะไรมาล่ะมั๊ง"
"อ๊ะ พวกนาย"
เมต้าไนท์เดินเข้ามาหาเคอร์บี้กับบานดาน่า
"วันนี้คงกลับดึกหน่อยน่ะ กินข้าวกันเลย ไม่ต้องรอชั้นกับพี่หรอก"เมต้าไนท์พูด"ร้านที่ชั้นไปทำงานน่ะ อยู่ห่างจากที่นี่หน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก"
"ยังไงก็ระวังด้วยนะครับ"บานดาน่าพูด"กลางคืนมันอันตรายมาก พวกหลบมุมตึกจี้เงินก็มีเยอะ"
"เอาน่าๆ ชั้นแอบซ่อนดาบเอาไว้นะ"เมต้าไนท์เปิดผ้าคลุมที่บังข้างๆตัวเขาให้เคอร์บี้กับบานดาน่าดู เขาเอาปลอกดาบเสียบเอาไว้
"งั้นพวกชั้นจะเรียกดีดีดีกลับหอก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน"
"อื้อ!"
..........
แปลก
แปลกจัง
"โอ้ยยย"ชั้นลุกขึ้นมาจากเตียงที่ชั้นนอนอยู่ คุณฟูมุที่ทำงานอยู่บนโต๊ะด้านข้างห้องหันมาทางชั้น
"มีอะไรเหรอ?"
"มันรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆน่ะครับ"ชั้นตอบคุณฟูมุไป"ตั้งแต่เช้าแล้ว"
"เอไอที่รู้สึกแบบนี้ได้นี่มันเกินความเป็นเอไอไปแล้วนะ สรุปเธอเป็นเอไอรึชาวแคปปี้กันแน่เนี่ย"คุณฟูมุพูดกับชั้น"เอาเถอะ ลองฟังเพลงนี้ดูสิ อาจจะช่วยลดเรื่องคิดมากได้นะ"
"เพลงอะไรครับ"ชั้นเอาหูฟังของคุณฟูมุมาครอบหูและฟังมันอย่างตั้งใจ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาที่ให้ปล่อยวางเรื่องที่คิดบ้างและจะดีขึ้นเอง
"เห็นมั๊ย ถ้าคิดมากเกินไปมันจะส่งผลเสียต่อจิตใจนะ"
"..ครับ เฮ้อ...."
ราวกับว่ามันจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหล่ะ ชั้น..อยากลองไปที่โรงเรียนที่เคอร์บี้อยู่จัง แต่ถ้าไปตอนนี้ ไปอยู่ด้วยต้องมีคนคิดว่าชั้นเป็นใคร ชั้นให้คนยัดเงินใต้โต๊ะเข้ารึเปล่าแน่ๆ ซึ่งมันจะมีปัญหา
"คุณฟูมุครับ"ชั้นหันไปทางคุณฟูมุ"ถ้าคุณว่าง...คุณช่วยดูเรื่องของพวกเคอร์บี้ได้มั๊ยครับ?"
"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ แต่ทำไมเธอไม่ใช้หูฟังเธอเอาล่ะ?"
"ผม..อยากจะรู้แค่ตอนนี้น่ะครับ เรื่องอนาคตผมไม่อยากให้มันติดมาด้วย"ชั้นตอบไป"เพราะว่าถ้ารู้แล้วมันจะกลัวขึ้นมาน่ะครับ.."
"นั่นสิ..."คุณฟูมุพูด"ใครๆก็อยากรู้อนาคตแต่อีกใจก็กลัวว่าไม่ดีนี่"
ชั้นล้มตัวนอนลงไปอีกรอบ และหลับตาลง ความง่วงเริ่มเข้ามาในตัวชั้น
นับวันตัวของชั้นก็เริ่มเหมือนชาวแคปปี้ขึ้น กลุ่มของเมดเทอร์ทำไมถึงทำให้เอไอเป็นถึงขนาดนี้ได้กันนะ
เคอร์บี้...
ถ้านายได้ยินเสียงชั้นตอนนี้
ชั้นอยากบอกว่า ระวังตัวด้วย
เพราะว่าลางสังหรณ์ของชั้นมันบอกว่า จะมีเรื่องเกิดขึ้น