Translate

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Kirby's story of star 2nd ep2 : Dimontion mirror

     "นั่นอะไรน่ะ"
     เคอร์บี้ชี้ไปที่กล่องกระดาษลังใบใหญ่ ในขณะที่เขาเดินไปโรงเรียนกับเพื่อน สิ่งที่ตั้งตระหง่าอยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับรถบรรทุกคันเล็กนั้นดูเหมือนโรงเรียนจะสั่งเข้ามา
     "ของโรงเรียนล่ะมั๊ง สงสัยเอามาใช้ประกอบการเรียน ดูแล้วน่าจะเป็นของพวกปีสี่ขึ้นไปด้วย"เมต้าไนท์ตอบ เขามองแล้วมองอีก"เหมือนเป็นบานใหญ่ๆ กระจกมั๊ง"
     "แล้วโรงเรียนจะเอากระจกมาทำอะไรล่ะ"ดีดีดีถาม"เพิ่มวิชาเลือกรึไง อย่างพวกลีลาศ"
     "เหมือนจะอย่างนั้นนะครับ"บานดาน่าสนับสนุนดีดีดี
     "ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเรานี่"คิลเลอร์พูด"แล้วพวกนายเลือกวิชาเพิ่มเติมกับชมรมรึยังล่ะ"
     "ชั้นว่าวิชาเพิ่มเติมชั้นจะไปลงงานประดิษฐ์กับบานดาน่านะ ส่วนชมรมนี่...ยังเลือกไม่ถูกเลย"เคอร์บี้ตอบ"นายลงอะไรเหรอ"
     "ก็นะ"คิลเลอร์หยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าสีขาวของเขา"ชั้นเขียนเพลนไว้หมดแล้วล่ะว่าจะลงอะไร เพิ่มเติมชั้นจะลงภาษาเยอรมัน ส่วนชมรมชั้นจะไปลงกับกลุ่มฟันดาบน่ะ"
     "เอ๋ ไหนพี่ว่าพี่จะลงภาษาฝรั่งเศสไง"เมต้าไนท์หันไปทางคิลเลอร์"แต่ว่าชมรมนี่ผมจะลงชมรมดนตรีนะ"
     "หือ? นายเล่นเป็นเหรอ"ดีดีดีถามเมต้าไนท์
     "อื้ม ตอนที่ยังอยู่ในกลุ่มเมดเทอร์ มีคนนึงสอนชั้นเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยล่ะ พวกนายคิดไม่ถึงใช่มั๊ย ส่วนพี่เขาก็เล่นเบสได้นะ"
     "แล้วทำไมนายไม่ลงกับเมต้าไนท์ล่ะ"เคอร์บี้หันไปหาคิลเลอร์"นายก็เล่นได้นี่"
     "ชั้น...เอาตามที่ตัวเองถนัดดีกว่านะ"คิลเลอร์ตอบด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะปัดคำถามทิ้ง"แล้วนายล่ะบานดาน่า ชมรมอะไร"
     "ของผมจะเข้าชมรมศิลปะครับ อยากลองวาดรูปอะไรที่มันได้ใช้ทักษะ ได้ใช้ผ้าใบวาดรูป คิดดูก็น่าสนุกแล้วครับ"บานดาน่าตอบพลางยิ้ม
     "ชั้นจะเข้าชมรมเทนนิสล่ะ ชั้นก็เล่นเป็นนะ!"ดีดีดียกมือขึ้น
     "หว๋า...คนอื่นตัดสินใจได้หมดแล้วเหรอเนี่ย"เคอร์บี้พูด"เอาไงดีล่ะ..."
     "มาเข้าชมรมเดียวกันกับผมก็ได้นะครับ"บานดาน่าพูด"เขามีบอกว่าถ้าไม่พอใจชมรมที่อยู่ก็สามารถยื่นเรื่องย้ายชมรมได้ และประธานชมรมทั้งสองฝ่ายต้องยินยอมด้วย"
     "เหรอ..สงสัยทั้งเพิ่มเติมทั้งชุมนุมก็ได้อยู่กับบานดาน่าแฮะ"เคอร์บี้หัวเราะ"งั้นชั้นจะเข้าชมรมเดียวกับนายละกัน"
     "นี่นายไม่คิดให้มากกว่านี้เลยรึไงเนี่ย"คิลเลอร์บ่นพึมพัม แต่เขาก็ยังคงมองกระดาษที่เขียนเอาไว้
     "มีอะไรเหรอพี่ มองกระดาษแผ่นนี้นานแล้วนะ"เมต้าไนท์ถาม คิลเลอร์จึงรีบเอากระดาษเก็บเข้ากระเป๋าทันทีด้วยความลุกลี้ลุกลน และหัวเราะแห้งๆแก้ต่างให้ตัวเอง
     "เปล่าหรอกๆ ชั้นแค่ดูเฉยๆน่ะว่าเขียนถูกรึเปล่า"
     เคอร์บี้หันมามองที่คิลเลอร์ เขากำลังสงสัยว่าคิลเลอร์มีเรื่องอะไรที่ลังเลอยู่รึเปล่า แต่สุดท้ายเคอร์บี้ก็ปัดเรื่องนี้ทิ้ง เพราะว่าได้ยินเสียงของบุนวิ่งตามหลังมา
     "รอด้วยยยยยย"
     บุนวิ่งมาถึงกลุ่มของเคอร์บี้ที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนพอดี เขาหอบ และเงยหน้ามาพูดกับเคอร์บี้ว่า
     "โธ่ ชั้นวิ่งตามตั้งไกลนะ! เรียกด้วย ทีหลังรอกันด้วยสิ"
     "แฮะๆ โทษนะ ไม่ได้ยินเลยแฮะ"เคอร์บี้ตอบกลับ"เอาล่ะ เดินเข้าไปกันเถอะ ตอนเที่ยงค่อยเจอกันนะ"
     ..........
     อ๊ะ
     ทำไมรู้สึกแปลกๆนะ
     "มีอะไรเหรอ คุณเทพเจ้าเอไอ"
     ฟูมุ ตำรวจสากลชาวญี่ปุ่นหันมาพูดด้วย เธอเป็นคนที่เราขอมาอยู่ด้วย
     ผ่านไปหลายเดือนแล้วหลังจากที่เราได้รู้ถึงนอร์มอล สิ่งที่ทำให้เรานั้นสมบูรณ์ กลายเป็นเอไอที่ควบคุมโลกได้อย่างเต็มที่ นอร์มอลที่เราเรียนรู้นั้นมาจากชาวแคปปี้ที่ชื่อว่าเคอร์บี้ เขาเป็นต้นแบบอารมณ์พื้นฐานของเรา
     เราเลือกที่จะมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เอาหูฟังที่เป็นศูนย์แกนควบคุมโลกออก และเก็บไว้ในกระเป๋า ซึ่งแปลว่าถ้าเราไม่มีหูฟังนี้ เราก็เป็นแค่ชาวแคปปี้ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
     แต่ทว่าเรายังมีส่วนหนึ่งที่ยังรับรู้ได้ในสมองชิพของเรา มันเป็นชิพลางสังหรณ์ ปกติเราไม่เคยรู้ว่ามันคืออะไร แต่นี่...คือลางสังหรณ์รึเปล่านะ
     รู้สึกเหมือนจะมีอะไรที่ไม่ค่อยจะดีเกิดขึ้นกับเคอร์บี้อีกครั้ง
     "เรา...รู้สึกแปลกๆน่ะ"เราตอบฟูมุไป
     "นี่ เวลาพูดกับคนที่อายุมากกว่า เธอต้องใช้คำว่าผม เวลาลงท้ายก็ใช้คำว่าครับด้วยล่ะ"ฟูมุบอกเรา"เรียกคำนำหน้าว่าคุณด้วยนะ"
     "ขอโทษ...ครับ"เราค่อยๆพยายามเรียนรู้ความเป็นคนจาก...คุณฟูมุ เธอเป็นคนที่สอนเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์
     "แล้ว...ทำไมคิดว่าแปลกล่ะ"
     "...ผมรู้สึกเคอร์บี้เค้ากำลังจะต้องเจอกับเรื่องประหลาดๆให้อีกครั้งครับ"เราต้องตอบความรู้สึกที่มี"แปลกนะครับ จากที่คำนวนมา มันมีผลประมวลว่า ผมกับเคอร์บี้มีจุดเชื่อมกันมากกว่าที่คิด"
     "อืม...เรื่องนี้คงต้องให้ทางเทคนิคเค้าช่วยให้ด้วยแหล่ะนะ แต่ว่าชั้นจะแอบถามละกัน เพื่อไม่ให้ตัวตนเธอถูกเปิดเผยด้วย"คุณฟูมุพูดกับเรา"อีกอย่างนะ เธอเลิกใช้คำว่าเรากับตัวเองเถอะ มันแปลกๆเวลาพูดกับคนอื่นที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วย รุ่นเดียวกัน....จะว่ารุ่นเดียวกันดีมั๊ยล่ะเนี่ย เอาเป็นว่าคนที่อายุเท่าเคอร์บี้แล้วกัน ก็เรียกคำแทนตัวเองว่าชั้นดีกว่า ส่วนคนที่อายุมากกว่าเรียกแทนว่าผม รุ่นเด็กกว่าเคอร์บี้ก็เรียกว่าพี่รึว่าชั้น"
     "ครับ"เร....ตอนนี้ชั้นสินะ ตอบกลับไป
     เป็นเพราะว่าชั้นนั้นได้ส่วนนึงมาจากเขารึเปล่าที่ทำไมมีความรู้สึกว่าจะรับรู้ความรู้สึกของเขาได้
     มีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องกำลังจะเกิดขึ้นกับเคอร์บี้ แต่คราวนี้ไม่เกี่ยวกันตรงๆ คนข้างๆเขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องตรงๆ แล้วคนนั้นก็....
     ..........
     "เอ๋? กระจกนั่นเป็นของห้องเรียนชั้นปีหนึ่งเหรอ"เคอร์บี้พูดกับบุน เมต้าไนท์กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยาอยู่โต๊ะข้างหน้าพวกเขา"แล้วทำไมเราถึงได้ล่ะ"
     "ไม่รู้สิ ปีนี้มีการทดลองอะไรรึงานวิจัยอะไรที่เกี่ยวกับกระจกที่ต้องขอให้ปีหนึ่งจัดการมั๊ง"
     "แต่ดูแล้วเหมือนกระจกตกแต่งมากกว่านะ"เมต้าไนท์เงยหน้าขึ้น
     "นั่นสิ ทำไมรู้สึกแปลกๆกับกระจกนั่นกันนะ...."เคอร์บี้เหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง
     "เพราะอะไรล่ะ"บุนถามเคอร์บี้ เขาสดุ้งทันที
     "..ก..ก็นะ"เคอร์บี้เรียกสติกลับมา"ต้องมีอะไรที่มันไม่ธรรมดาเกิดขึ้นแน่ๆ...แต่ก็เป็นแค่ลางสังหรณ์เองนะ! อาจจะไม่ใช่ก็ได้ คงคิดมากไปเองแหล่ะ"
     บุนยังคงมองเคอร์บี้ด้วยสายตาสงสัย เคอร์บี้ทำหัวเราะเพื่อปัดทิ้ง
     "เอ่อ....งั้นเดี๋ยวชั้นไปห้องน้ำก่อนนะ"บุนบอกทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น"ไม่ต้องนานหรอก"
     บุนวิ่งไปทางห้องน้ำ เมต้าไนท์หันไปพูดกับทุกคนที่ยืนอยู่ด้วยว่า
     "นายว่ามันแปลกๆมั๊ย"
     "ยังไงเหรอ"เคอร์บี้ถามเมต้าไนท์คืน
     "ไม่รู้สิ แต่มันแปลกๆ.."เมต้าไนท์ยังคงมองบุน"ชั้นว่าบุนเค้า...."
     เมต้าไนท์หันหน้าหนีเคอร์บี้และปัดทิ้ง ชวนเคอร์บี้คุยเรื่องอื่น
     ..........
     "ฮัลโหล?"
     "ว่าไง...บุน คงมีความสุขกับชีวิตเรียนล่ะสิ"
     "ก็ดีนะ แต่ว่าชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะไม่ไปยุ่งกับกลุ่มพวกแกอีกแล้ว แล้วแกโทรมาหาชั้นทำไม"
     "คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะสิ....อดีตผู้คุมโลกกระจก...."
     "ชั้นบอกว่าอย่าพูดถึงมันอีกไง!!!!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์เครื่องนั้น"ชั้นไม่อยากจะยุ่งกับมันอีกแล้ว!"
     "เหรอ...แล้วกระจกที่อยู่ในโรงเรียนล่ะ? นั่นไม่ใช่กระจกมิติเหรอ?"
     บุนนิ่งไประยะหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือกลงไปทันที
     "แกเข้าไปในโลกแห่งนั้นหลายปีที่แล้ว และที่นั่นก็แช่อายุของแกไว้ด้วย แกเข้าไปตอนแกอายุสิบสามนี่ แกเข้าไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ถึงได้เป็นคนที่คุมโลกกระจกได้ รักษาสมดุลได้ พอชั้นเข้าไปและเจอแก แกก็บอกว่าให้ชั้นช่วยดูแลด้วยนี่นา พอชั้นเริ่มสร้างสิ่งที่ชั้นอยากสร้าง แกก็มาห้ามชั้น บอกว่าเสียสมดุล ชั้นทนไม่ไหวที่มีแกคอยมาห้ามนู่นนี่ทุกอย่างจนชั้นต้องไล่แกออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่"
     "...นี่แก...คิดจะทำอะไรน่ะ...."
     "ชั้นจะบอกว่าตอนนี้ชั้นก็ออกมาจากโลกกระจกแล้วเหมือนกัน และอยู่ในโรงเรียนแกด้วย ชั้นเฝ้ามองแกทุกย่างก้าว จริงสิ...แกรู้จักกับกลุ่มเด็กที่ล้างบาปได้นี่นา ไม่สิ...เดี๋ยวนี้ชาวบ้านพากันเรียกพวกเขาว่า ไฟฟ์ซิน นี่..."
     "รึว่าแก...."
     "ชั้นจะเล่นงานเพื่อนของแกให้เป็นชิ้นเล็กๆตามคำสั่งของคนที่ชั้นสมาคมอยู่ด้วยไง....แต่ก็นะ ชั้นจะไม่เล่นงานผู้นำของไฟฟ์ซิน...เคอร์บี้หรอกนะ แต่ที่ชั้นจะเล่นงานน่ะ....ฮึ ไม่พูดดีกว่า ชั้นอยากให้พวกมันมาเห็นคนที่พวกมันไม่ได้เจอมานานในสภาพที่ไม่จืดแบบนี้เร็วๆจัง..."
     "แกจะทำอะไรแกก็มาเล่นงานชั้นตรงๆสิ!"บุนตะโกนใส่โทรศัพธ์อีกครั้ง"ชั้นไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวด้วยต้องมาเจอกับแกหรอก!"
     "งั้นชั้นให้เวลาปีนึงในการหาชั้นในโรงเรียนนี้ แกจะบอกเพื่อนแกก็ได้นะ....."
      บุนมองไปที่สายที่เขาคุยด้วย ไม่โชว์เบอร์ และก็ตัดไป
      "....ชั้น...จะไม่บอกพวกเขา...."
      ..........
      "อืม....."ชั้นมองไปที่จานข้าวของบุน เขาเหมือนใจลอยตลอดเวลาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องเรียนหลังจากที่ไปห้องน้ำแล้ว มีอะไรรึเปล่านะ
      "เอ้า กินสิ เดี๋ยวก็มีเรียนต่อก็ไม่ได้กินแล้วนะ!"ดีดีดีพูดกับบุน เขาเอามือมาวางบนไหล่บุน
      "..เบื่ออาหารรึเปล่าครับ ผมมีผงบ๊วยนะ โรยข้าวนิดหน่อยจะเพิ่มความอยากอาหารขึ้นครับ"บานดาน่าหยิบขวดผงสีชมพูเล็กๆขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา
     "เปล่าหรอก...แค่ว่า...."บุนส่ายหน้าและเริ่มตักข้าวเข้าปาก ชั้นเห็นแล้วก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย
     วันนี้บรรยากาศมันเหมือนฝนจะตกยังไงยังงั้นเลยแฮะ
     "ชั้นว่าเรารีบกินข้าวรีบเข้าไปในตึกดีกว่านะ..."ชั้นบอกทุกคนที่นั่งอยู่"ดีไม่ดี เดี๋ยวก็ตกแล้วด้วย ฝนน่ะ"
     "นั่นสิ"คิลเลอร์ขอผงบ๊วยบานดาน่ามาโรยบนข้าวสวยนิดหน่อยและคืน เขาตักข้าวร้อนๆเข้าปาก เคี้ยว และกลืนลงไป"วันนี้ก็เริ่มเข้าชมรมเลยนี่"
     "อือ"เมต้าไนท์ตอบพี่ชายของเขา ตักข้าวเข้าปากเหมือนกัน"จะว่าไปแล้ว วันนี้เราต้องไปทำงานพิเศษด้วยนี่"
     "ใช่ สงสัยได้เลิกดึกอีกแน่ๆ"
     "เอ๋ พวกนายทำงานพิเศษที่ไหนเหรอ? อยากเห็นจังเลย!"ชั้นถามสองคนนั้นทันที แต่คิลเลอร์ดูร้อนรนกว่าที่คิด เขาปัดคำถามทิ้งด้วยคำพูดว่า นายไม่ต้องรู้หรอกน่า ส่วนเมต้าไนท์ก็ทำเป็นกินข้าวต่อไป
     ทำไมต้องปิดกันขนาดนี้ด้วยนะ
     "เอาเถอะๆ ยังไงก็รีบกินข้าวเถอะนะ"ดีดีดีพูด"อยากเล่นเทนนิสไวๆแล้วล่ะสิ!"
     "ผมก็อยากลองทดสอบฝีมือดูเหมือนกันนะครับ ถ้าเคอร์บี้เลิกก่อนก็รอผมด้วยละกัน"บานดาน่าบอกชั้น
     "ชั้น...จะลอง...."คิลเลอร์พูดเสียงเบา"อ๊ะ! ไม่มีอะไรหรอก"
     พูดถึงเรื่องชมรมทีไร คิลเลอร์ต้องออกอาการแปลกๆทุกที แถมมองไปที่เมต้าไนท์ด้วย ถ้าเดาไม่ผิด รึว่าเขา...
     "ชั้นจะลองพยายามเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าดู ถ้าโอเคล่ะก็นะ..."เมต้าไนท์พูด"มันเว่อร์ไปรึเปล่าถ้าจะพูด แต่ชั้นอยากลองเข้าวงของโรงเรียนน่ะ"
     "ไม่หรอกๆ ถ้าเป็นนาย นายทำได้แน่"คิลเลอร์บอกเมต้าไนท์"อยากทำอะไรก็ทำไปสิ ชั้นจะคอยดูอยู่ข้างๆเอง"
     ..........
     "เคอร์บี้ๆ"บานดาน่าทักชั้นในคาบชมรม เขามีสายตาที่ดูมีเรื่องคาใจ
     "อะไรเหรอ"
     "เรื่องของบุนน่ะสิ เคอร์บี้ว่าเขาแปลกๆไปรึเปล่าครับ"
     "เอ๋ บุนน่ะเหรอ"ชั้นพูดขึ้นมา"...นั่นสิ ชั้นก็ว่าเขาแปลกๆอยู่นะ เหมือนอยากบอกอะไรพวกเรา"
     "ใช่มั๊ยครับ ใช่มั๊ย!"บานดาน่าพูด"เอาไว้เลิกเรียนแล้วเราถามเขากันเถอะ!"
     บานดาน่ามีสายตากระตือรือร้นขึ้นมาทันที
     ตั้งแต่รู้จักกันมา บานดาน่ากับคิลเลอร์ สองคนนี้เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องใดๆก็ตามที่สุด แต่สองคนนี้มีอะไรที่ต่างกันอยู่ คิลเลอร์จะจริงจังในแบบผู้ใหญ่ ตัดสินใจได้เฉียบขาด ความมุ่งมั่นก็สูง สมกับเป็นคนที่เคยเป็นรองหัวหน้าฝ่ายตามล่าของเมดเทอร์มาก่อน ส่วนบานดาน่าจะจริงจังในแบบของคนที่ทุ่มสุดตัวให้กับทุกสิ่ง ให้คำแนะนำคนรอบข้างได้ดี ความรับผิดชอบสูง เคยเป็นประธานนักเรียน
     แต่เอาจริงๆแล้ว ชั้นชอบความจริงจังของบานดาน่ามากกว่าคิลเลอร์เสียอีก เพราะว่าเหมือนคิลเลอร์ขาดอะไรไปบางอย่างในตัวของเขา
     "จะว่าไปแล้วนะครับ ทุกคนนี่มีจุดเด่นไม่เหมือนกันเลยนะ"บานดาน่ามองมาที่ชั้น
     "จุด...เด่น?"
     "อื้ม แต่นะ ถ้ามีจุดเด่นก็ต้องมีจุดด้อยบ้างล่ะ"
     "งั้น..นายลองพูดมาสิ ชั้นอยากฟังน่ะ"ชั้นยิ้มให้บานดาน่า เขายิ้มตอบและพูดต่อ
     "ดีดีดีน่ะ เขาเป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยใส่ใจสิ่งรอบข้างเขาเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วถ้ามีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้างเขา เขาพร้อมจะเข้าไปช่วยเสมอ เหมือนตอนที่เคอร์บี้กำลังแย่ไงครับ เขามาถึงคนแรกเลยที่ท่าเรือ ถึงผมจะมาพร้อมเขาก็เถอะนะ"
     "เมต้าไนท์..นิสัยของเขา เขาเป็นคนที่มีบางครั้งที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่เขาจะคอยเอาใจใส่กับเพื่อนเสมอ เพราะว่าเขาเชื่อมั่นเพื่อนมากกว่าสิ่งใด ผมว่าเขาคงจะเกลียดมากด้วยเวลาที่มีใครมาทำอะไรเพื่อนของเขา ฝีมือในการใช้ดาบของเขานี่ถือว่าสุดยอดมากนะครับสำหรับคนที่อายุเท่าๆพวกเรา"
     "คิลเลอร์ เป็นคนที่ทำตัวเงียบขรึม เป็นผู้ใหญ่ ไร้ซึ่งจุดบอด แต่เอาจริงๆแล้วจิตใจของเขาเป็นเพียงแค่เด็กชายที่เอาแต่ใจเท่านั้น ที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะโตขึ้นมากับสังคมที่มีแต่คนปั้นเขาให้เป็นผู้นำของกลุ่มตามล่า เท่าที่ดูมาเขาน่ะ ไม่ได้ทำตามใจตัวเองเลยซักครั้งเดียว"
     "ผมน่ะ...จะว่าไงดีนะ..."
     "นายน่ะ เป็นเหมือนคุณพ่อในกลุ่มเราไง"ชั้นตอบเขาไป"ทั้งใจดี เรียบง่าย มีเหตุผลเสมอ ใครๆก็ชอบนาย ทั้งยังเรียนดีมีความรับผิดชอบ"
     "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ"บานดาน่าเขิน"มิโดริ น้องสาวของเคอร์บี้ก็ฉลาดเป็นกรด วางแผนเส้นทางต่างๆได้ดี การคาดการ์ณของเธอมีโอกาสพลาดเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นเองครับ เธอเป็นคนนึงที่ผมว่าอนาคตต้องมีคนอยากให้เธอไปทำงานเป็นนักสืบแน่ๆ"
     "หืม...น้องสาวชั้นสุดยอดขนาดเลยเหรอ"ชั้นพูดกับบานดาน่า"แต่ชั้นมันไม่มีอะไรที่ดีเลยนี่สิ ไม่โดดเด่นเอาซะเล--"
     "จุดเด่นของเคอร์บี้ก็คือรอยยิ้มยังไงล่ะครับ"บานดาน่ายิ้มให้ชั้น
     รอยยิ้มเหรอ?
     "รอยยิ้มของเคอร์บี้เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมากเลยล่ะ แววตาของเคอร์บี้เองถ้าได้จ้องก็คงรู้สึกเหมือนมีดาวนับพันๆดวงอยู่ภายใต้นัยตาสีน้ำเงินเข้มด้วย และเคอร์บี้ก็เป็นคนที่ชอบพูดให้ความหวังกับคนอื่นด้วยนี่นา"
     "เอ้ายิ้มสิครับ ผมชอบนะเวลาที่เคอร์บี้ยิ้ม รอยยิ้มนั้นน่ะก็ให้กำลังใจผมด้วยนะ"
     ...ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อเลยแหะ เล่นมาแบบนี้
     บานดาน่าบอกว่า ข้อดีชั้นคือรอยยิ้มที่มอบกำลังใจให้ทุกคนเหรอ?
     ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร แต่มัน...รู้สึกดีไม่ใช่น้อย
     บานดาน่าเห็นข้อดีของทุกคนและดึงมันออกมาพูด ซึ่งนั่นทำให้ชั้นคิดว่า บานดาน่าเป็นคนหนึ่งที่เหมาะจะเป็นคนที่ล้างบาปมากกว่าชั้น
     แต่บานดาน่าบอกว่าชั้นเป็นคนที่ล้างบาปได้เพราะเหตุผลนี้น่ะเหรอ?
     โธ่..ดีพเอ็นด์ ถ้านายได้ยิน นายมาบอกชั้นหน่อยได้มั๊ยว่าเพราะอะไร ชั้นอยากรู้มานานแล้วนะ
     ..........
     "บุน! บุน! นายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอยู่รึเปล่า!"เคอร์บี้วิ่งเข้าไปหาบุนหลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว"นายดู.."
     "มะ..ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ"บุนตอบเขากลับและรีบหันหลังหนี"ชั้นกลับก่อนนะ!"
     "อย่าลืมกินยาล่ะ นอนให้มากๆด้วย!"เคอร์บี้ตะโกนตามหลังไป และหันมาทางบานดาน่า"จริงๆด้วย เขามีอะไรที่ไม่ยอมบอกเรา"
     "นั่นสิ..แต่ว่า ดีดีดีไปไหนแล้วล่ะครับ"
     "เอ๋?"
     เคอร์บี้หันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาดีดีดี จนเขาเห็นดีดีดีกำลังตีลูกเทนนิสกับรุ่นพี่ปีสามปีสี่อยู่
     "ว้าว กล้ามเนื้อแขนเขาแข็งแรงดีจัง"เคอร์บี้พูดกับบานดาน่า
     "ถ้าให้ถือไม้ค้อนหนักสิบกิโลนี่ ผมว่าเขาก็ยังสบายๆเลยนะครับ"บานดาน่ามองที่ดีดีดี"เอ๊ะ นั่นคิลเลอร์นี่ครับ"
     บานดาน่าชี้ไปทางด้านหลังรั้วอีกฝั่งของสนามเทนนิส คิลเลอร์กำลังถือถุงพลาสติกที่มีกล่องอยู่ข้างในเข้าไปในตึกเล็กๆ
     "อืม..นั่นมันโรงซ้อมดาบนี่นา"เคอร์บี้บอกกับบานดาน่า"ท่าทางเขาคงออกไปซื้ออะไรมาล่ะมั๊ง"
     "อ๊ะ พวกนาย"
     เมต้าไนท์เดินเข้ามาหาเคอร์บี้กับบานดาน่า
     "วันนี้คงกลับดึกหน่อยน่ะ กินข้าวกันเลย ไม่ต้องรอชั้นกับพี่หรอก"เมต้าไนท์พูด"ร้านที่ชั้นไปทำงานน่ะ อยู่ห่างจากที่นี่หน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก"
     "ยังไงก็ระวังด้วยนะครับ"บานดาน่าพูด"กลางคืนมันอันตรายมาก พวกหลบมุมตึกจี้เงินก็มีเยอะ"
     "เอาน่าๆ ชั้นแอบซ่อนดาบเอาไว้นะ"เมต้าไนท์เปิดผ้าคลุมที่บังข้างๆตัวเขาให้เคอร์บี้กับบานดาน่าดู เขาเอาปลอกดาบเสียบเอาไว้
     "งั้นพวกชั้นจะเรียกดีดีดีกลับหอก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน"
     "อื้อ!"
     ..........
     แปลก
     แปลกจัง
     "โอ้ยยย"ชั้นลุกขึ้นมาจากเตียงที่ชั้นนอนอยู่ คุณฟูมุที่ทำงานอยู่บนโต๊ะด้านข้างห้องหันมาทางชั้น
     "มีอะไรเหรอ?"
     "มันรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆน่ะครับ"ชั้นตอบคุณฟูมุไป"ตั้งแต่เช้าแล้ว"
     "เอไอที่รู้สึกแบบนี้ได้นี่มันเกินความเป็นเอไอไปแล้วนะ สรุปเธอเป็นเอไอรึชาวแคปปี้กันแน่เนี่ย"คุณฟูมุพูดกับชั้น"เอาเถอะ ลองฟังเพลงนี้ดูสิ อาจจะช่วยลดเรื่องคิดมากได้นะ"
     "เพลงอะไรครับ"ชั้นเอาหูฟังของคุณฟูมุมาครอบหูและฟังมันอย่างตั้งใจ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาที่ให้ปล่อยวางเรื่องที่คิดบ้างและจะดีขึ้นเอง
     "เห็นมั๊ย ถ้าคิดมากเกินไปมันจะส่งผลเสียต่อจิตใจนะ"
     "..ครับ เฮ้อ...."
     ราวกับว่ามันจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงๆนั่นแหล่ะ ชั้น..อยากลองไปที่โรงเรียนที่เคอร์บี้อยู่จัง แต่ถ้าไปตอนนี้ ไปอยู่ด้วยต้องมีคนคิดว่าชั้นเป็นใคร ชั้นให้คนยัดเงินใต้โต๊ะเข้ารึเปล่าแน่ๆ ซึ่งมันจะมีปัญหา
     "คุณฟูมุครับ"ชั้นหันไปทางคุณฟูมุ"ถ้าคุณว่าง...คุณช่วยดูเรื่องของพวกเคอร์บี้ได้มั๊ยครับ?"
     "ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ แต่ทำไมเธอไม่ใช้หูฟังเธอเอาล่ะ?"
     "ผม..อยากจะรู้แค่ตอนนี้น่ะครับ เรื่องอนาคตผมไม่อยากให้มันติดมาด้วย"ชั้นตอบไป"เพราะว่าถ้ารู้แล้วมันจะกลัวขึ้นมาน่ะครับ.."
     "นั่นสิ..."คุณฟูมุพูด"ใครๆก็อยากรู้อนาคตแต่อีกใจก็กลัวว่าไม่ดีนี่"
     ชั้นล้มตัวนอนลงไปอีกรอบ และหลับตาลง ความง่วงเริ่มเข้ามาในตัวชั้น
     นับวันตัวของชั้นก็เริ่มเหมือนชาวแคปปี้ขึ้น กลุ่มของเมดเทอร์ทำไมถึงทำให้เอไอเป็นถึงขนาดนี้ได้กันนะ
     เคอร์บี้...
     ถ้านายได้ยินเสียงชั้นตอนนี้
     ชั้นอยากบอกว่า ระวังตัวด้วย
     เพราะว่าลางสังหรณ์ของชั้นมันบอกว่า จะมีเรื่องเกิดขึ้น
    

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Kirby's story of star 2nd ep1: พบพาน

     "หว๋าๆๆ จะสายแล้ว"
     เคอร์บี้รีบวิ่งออกจากห้องพักของตัวเองพร้อมกระเป๋าสะพายใบใหม่ เป็นกระเป๋าที่มีเข็มกลัดตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนติดไว้ที่ช่องใส่ขวดน้ำ เขามาพักที่หอนี้ได้ไม่นานและยังไม่เคยเห็นหน้าตาของคนที่มาอยู่ด้วยเลยแม้แต่นิด ราวกับว่าพวกเขาไม่สุ่งสิงกับใคร
     วันนี้เป็นวันประกาศห้องเรียนและเป็นวันแรกที่เรียนของโรงเรียนเอ็นด์พีเอส
     เคอร์บี้วิ่งออกมาทางถนนที่มีคนเดินพลุกพล่าน คนเหล่านั้นเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา
     "หน้าตาทำไมน่ากลัวกันจัง รุ่นพี่เนี่ย..."เคอร์บี้วิ่งผ่านและบ่น"โรงเรียนนี้การแข่งขันสูงนี่นา จะเขม่นกันก็คงไม่แปลก"
     เขาวิ่งจนถึงหน้าโรงเรียน หอพักของเขาอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนนี้เท่าไหร่ เพราะว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ห่างจากตัวเมือง ทำให้การที่จะไปกลับนั้นยากมาก หอพักจึงพากันก่อตัวขึ้นในบริเวณรอบๆ หลังจากนั้นร้านสะดวกซื้อก็ตามมา
     "ข่ะ...ขอโทษนะครับ ขอโทษนะครับ"เคอร์บี้เดินฝ่ารุ่นพี่ที่ยืนแน่นทั้งพื้นที่ เขาเห็นทั้งนักยิมนาสติกรุ่นเยาวชน เน็ทไอดอลที่กำลังดังอยู่ และเหล่าบรรดาคนที่สร้างชื่อเสียงมากมายหลายคน
     "โห มีแต่คนดังๆทั้งนั้นเลย..."
     "อ๊ะ! เธอน่ะ! เธอคือเคอร์บี้รึเปล่า?"รุ่นพี่คนหนึ่งถามเขาในขณะที่เขากำลังจะเดินไปที่บอร์ดประกาศห้อง"ชั้นจำไม่ผิดแน่ๆ ทุกคน! นี่ไงเคอร์บี้ เด็กที่ชั้นพูดถึง!"
     คนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาทางเคอร์บี้ เคอร์บี้หน้าซีด บอกเพียงว่าไม่ใช่ แต่รุ่นพี่คนนั้นกลับยังจะชื่นชมตัวเขา
     "พี่สนใจน้องมานานแล้วนะ! สนใจอยู่ชมรมยิงธนูรึเปล่า! กล้ามเนื้อน่าจะดีนี่"
     "อ่ะ...เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ แล้วก็ผมไม่ใช่เคอร์บี้หรอกนะ พี่จำผิดตังหาก สีตัวแบบผมมีตั้งหลายคน"เคอร์บี้ยังคงปฏิเสธกลับไปและรีบเดินหนีออกมา
     เคอร์บี้เดินมายังบอร์ด เขาพยายามมองหาชื่อของเขาบนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ และในที่สุด
     "ดูสิ! มีชื่อเคอร์บี้ด้วย!"
     "ไหนๆ จริงด้วย คนๆนั้นน่ะเหรอ"
     "คนที่ล้างบาปทั้งห้าและก็ต่อกรกับเมดเทอร์ได้ไง"
     "อยู่ห้องเดียวกับชั้นเลย! 1-B ล่ะ!"
     "จริงเหรอ! น่าจะไปทักเขานะ!"
     เคอร์บี้รีบถอยหลังทันทีตั้งแต่ได้ยินคำว่า 1-B เขาไม่จำเป็นต้องหาแล้ว และเขาก็เตรียมหลบหน้าคน
     "การที่กลายเป็นคนดังมันเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย..."
     เคอร์บี้รีบเดินขึ้นตึกเรียนทันที พร้อมถามรุ่นพี่ที่อยู่แถวนั้นว่าห้องโฮมรูมของ 1-B นั้นอยู่ตรงไหน เมื่อเขาได้คำตอบ เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปทันที
     ..........
     เอาล่ะ ตั้งสติไว้เคอร์บี้
     ชั้นต้องเข้าไป ชั้นต้องเข้าไป นิ่งๆเอาไว้
     กลัวจัง กลัวจะมีคนมารุมถามนู่นนี่
     หายใจเข้า หายใจออก ฟู่ ฟู่....
     เอาล่ะนะ! จะเข้าไปละเว้ยยยย
     ชั้นผลักประตูเข้าไป ทันใดนั้นสายตาทุกสายตาต่างมองมาที่ชั้นทันที ชั้นเลือกนั่งติดหน้าต่าง ในที่สุดก็มีคนเดินเข้ามาทัก
     "เอ่อ...นาย..คือเคอร์บี้ใช่มั๊ย"
     เด็กชายชาวฮูเดินเข้ามาทักชั้น
     "ชั้นชื่อบุน ยินดีที่ได้รู้จักนะ อ๊ะ ขอโทษนะที่ทำให้ไม่เห็นหน้าชั้น พอดีว่าผมหน้าม้าชั้นมันยาวไปหน่อยน่ะ"
     บุนพูดขึ้นมาอีกครั้ง ชั้นตอบแห้งๆกับเขาไป ถึงแม้ว่าไม่อยากบอกว่าชั้นคือเคอร์บี้ แต่สุดท้ายยังไงทั้งห้องก็รู้กันอยู่ดี
     "ย..ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันนะ"
     "อื้อ โรงเรียนนี้น่าตื่นเต้นจังนะ! มีแต่คนดังๆทั้งนั้น ต่างจากชั้นที่ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ที่ชั้นเข้าโรงเรียนนี้เพราะว่าได้ข่าวว่านายได้เข้ามา! ชั้นเลยพยายามอ่านหนังสือสอบ นายเป็นคนที่ชั้นถือเป็นตัวอย่างเลยนะ ทั้งเก่ง ทั้งมีความสามารถ ได้ข่าวว่าที่โรงเรียนเก่านายสอบได้คะแนนรวมที่หนึ่งของชั้นด้วย ชั้นเลยอยากเป็นแบบนายบ้างน่ะ"บุนพูด"ไม่นึกไม่คาดว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกันด้วย"
     บุนนับถือชั้นเป็นตัวอย่างงั้นเหรอ ที่เขามาสอบเข้าที่นี่เพราะชั้นเหรอ ดีใจยังไงก็ไม่รู้สิ แต่ชั้นก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกนะ
     "ชั้นไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก ก่อนหน้าที่ชั้นจะรู้ว่าชั้นน่ะเป็นคนที่สามารถล้างบาปได้ ชั้นก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาตลอด พอได้ลองฆ่าตัวตายดู ชั้นก็คิดได้ว่าคนที่มาตายแทนชั้นนั้นน่ะ เขาได้ฝากอะไรหลายอย่างไว้ให้ อีกอย่างถ้าชั้นตายไป เพื่อนชั้นที่ชั้นล้างบาปให้ พวกเขาก็ต้องรับภาระแทนชั้นอีก รวมทั้งต้องให้พวกเขามาร้องไห้เพราะชั้นตายเนี่ยนะ ชั้นไม่เอาด้วยหรอก"ชั้นตอบเขากลับไป"ถ้าชั้นเป็นคนธรรมดาๆ ชั้นคงจะเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องคนนึงล่ะนะ"
     "งั้นเหรอ...แต่ว่านะ นายเก่งนะเนี่ยที่อดทนเรื่องนี้มาได้ เป็นชั้นคงอึดอัดน่าดู มีคนตาม มีคนจ้อง มีคนอิจฉา"
     นานๆทีจะมีคนเข้าใจชั้น ขอบใจนะบุน
     "โรงเรียนมีกำหนดว่าให้นักเรียนทุกคนเลือกชมรม ถึงมีรุ่นพี่ทักมาตลอดทางเลย ชั้นถูกพวกชมรมยิงธนูทักมาล่ะ บอกว่ากล้ามเนื้อดี...ตรงไหน"
     "เอ๋? ชั้นก็เหมือนกันนะ แต่ชั้นว่าชั้นไม่เอาหรอก แรงออกแรงชั้นไม่ค่อยอยากฝืนน่ะ"ชั้นพูดต่อไป"ถ้ามีชมรมอะไรที่มันเข้ากับชั้น ก็อยากลองล่ะนะ"
     "ชมรมศิลปะก็น่าสนนะ"บุนบอก"แต่ชมรมประชาสัมพันธ์ก็ดี ชมรมดนตรีก็เด่น..."
     เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นก่อนที่ชั้นจะได้พูดต่อ บุนเดินไปที่โต๊ะถัดจากชั้นสองตัว หันมายิ้มให้ชั้น และในที่สุดครูก็เดินเข้ามา
     โต๊ะตัวข้างหน้าชั้นยังว่างอยู่นี่ มาสายรึเปล่านะ ใช้ไม่ได้เลย
     "....มาไม่ครบนี่ แต่ไม่เป็นไรหรอก วันแรกอาจจะหลงทางก็ไม่แปลก"
     ครูไล่เช็คชื่อแต่ละคน จนถึงรายชื่อหนึ่ง
     "เอ๋ คนนี้เองเหรอ อื้ม...เอาไงดีละเนี--"
     "ขะ...ขอโทษนะครับ!! พอดีว่าผมหลงทาง!"
     ชั้นที่นั่งเหม่อมองนอกหน้าต่างอยู่หันมาทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น น้ำเสียงของคนที่ซุ่มซ่ามเสมอ น้ำเสียงของคนที่ค่อยเอาใจใส่คนอื่น น้ำเสียงที่เรียบง่ายแต่อบอุ่น
     "มะ...เมต้าไนท์?!"
     ชั้นพูดขึ้นมา เข้ามองมาทางชั้น
     "อ๊ะ! เอ๊ะ...เคอร์บี้!"
     เมต้าไนท์เองก็ตกใจไม่น้อย
     เขาไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิดตั้งแต่สามเดือนก่อน ไม่สิ หลายเดือนด้วยซ้ำ จู่ๆมาเจอกันแบบนี้บังเอิญไปรึเปล่า ถ้าเมต้าไนท์อยู่ที่นี่ แสดงว่าคิลเลอร์ก็ต้องอยู่ด้วยสิ
     "ดูเขาสิ! นั่นคนที่เคอร์บี้ล้างบาปให้นี่นา"
     "โชคดีจังเลย มีคนดังตั้งสองคนแหน่ะ ห้องเรา"
     "มาทันจนได้สินะ คราวหลังก็อย่าหลงทางบ่อยละกัน ครั้งนี้ครูยกโทษให้"ครูบอกกับเมต้าไนท์"เอ้า งั้นเรามาเรียนกันได้แล้วนะ ตั้งแต่ตอนนี้เลย"
     เมต้าไนท์เดินมาที่โต๊ะตัวข้างหน้าชั้น หันมาซุบซิบด้วย
     "วันแรกก็สายแล้วสิ ชั้นนี่บ้าจังเลย"
     "ทำไมนายถึงได้มาเรียนที่นี่ล่ะ"ชั้นถามเขากลับ
     "ก็คือว่า พี่ชั้นยื่นใบขอร้องให้เข้ามาที่นี่ไงล่ะ แต่ว่านะ พี่เค้าก็กำลังทำงานหาเงินอยู่ แถมชั้นก็มาอยู่หอ ยิ่งเพิ่มภาระ ไหนจะค่าเทอมอีก ชั้นเลยทำงานพิเศษไปด้วยน่ะ ทำให้มาสายด้วย เมื่อคืนก็ทำงานจนดึกเลย"
     "เอ๋ งานอะไรเหรอ?"
     "ความลับ"เมต้าไนท์ทำน้ำเสียงอารมณ์ดีให้ชั้น ท่าทางจะไม่ยอมบอกง่ายๆแฮะ
     ..........
     "จะว่าไป แล้วคิลเลอร์ล่ะ"
     ชั้นถามเมต้าไนท์ตอนพักเที่ยง ชั้นกับบุน คนที่ชั้นเพิ่งรู้จักเดินมาที่โต๊ะของเมต้าไนท์ บุนแนะนำตัว เมต้าไนท์ก็ทักตอบ ทั้งคู่ดูไม่มีปัญหาอะไร
     "เอ่อ คิลเลอร์นี่เป็นฝาแฝดของนายเหรอ?"บุนถามเมต้าไนท์
     "อื้ม เป็นพี่ชายฝาแฝดน่ะ แต่เขามาก่อนชั้นอีก ใจร้าย"เมต้าไนท์ทำเสียงงอน"จะมาปลุกก็ไม่มา พี่บ้าที่สุด"
     "น่าๆ ยังไงก็อยู่โรงเรียนนี้นี่ กลับไปนายก็ค่อยถามก็ได้นะ"ชั้นเดินออกจากห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนทั้งสองคน บุนรู้ทางไปโรงอาหาร พวกเราจึงคิดจะไปกินข้าวด้วยกัน แต่ก่อนหน้านั้น...
     "นี่นาย! ทำไมต้องมาอยู่ห้องเดียวกับชั้นเนี่ย!"
     "ชั้นตังหากที่ต้อวถาม! ชวนชั้นทะเลาะตลอดเลยนะ!"
     "โจทย์ข้อที่อยู่บนกระดานชั้นก็ตอบได้! ทำไมนายต้องมาแย่งซีนชั้นเนี่ย!"
     "ชั้นไม่เห็นมีใครตอบนี่นา! เดี๋ยวครูจะสุ่มคนขึ้นมา ยิ่งกว่าเก่าอีก!"
     "นาย!"
     "นาย!"
     "ดีดีดี! คิลเลอร์!"ชั้นร้องออกมา พวกเขาจึงหันมามอง
     "อ๊ะ เคอร์บี้?"พวกเขาพูดพร้อมกัน ก่อนที่จะเดินมาทางชั้น
     "ว้าว...สุดยอด พวกเราอยู่กันครบเลย แล้วนาย..."
     "ชั้นบุน ยินดีที่ได้รู้จักนะ พอดีว่าเรากำลังจะไปโรงอาหารน่ะ"
     "งั้นเราไปโรงอาหารกันเลยมั๊ย น่าเสียดายที่บานดาน่าไม่ได้อยู่ด้วยเนี่ย"ชั้นพูดกับคนที่เหลือ ก่อนที่จะเดินไปชนกับคนหนึ่ง"อ๊ะ ขอโทษน....หว๋าาาาา"
     คนที่ยืนตาต่อหน้าพวกเราเป็นคนที่ขอบตาดำอย่างชัดเจน ผ้าโพกหัวสีน้ำเงินกับน้ำเสียงที่สุภาพเรียบร้อย
     "สวัสดีนะทุกคน...พอดีว่าผมอ่านหนังสือเตรียมเนื้อหาดึกเกินไปหน่อยน่ะ ก็เลย....."
     ชั้นรีบรวบทุกคนเข้ามากอดด้วยกัน บุนมองด้วยสายตาที่อบอุ่นราวกับเป็นคนในครอบครัวแต่ก็ไม่ได้เข้ากอดด้วย
     "อะไรเนี่ย! นี่เราทั้งหมดมาอยู่โรงเรียนเดียวกันงั้นเหรอ? บ้าจริงๆเลย!"ชั้นพูด บานดาน่าหัวเราะแห้งๆ ส่วนเมต้าไนท์ก็ทำท่าเขิน คิลเลอร์หันไปมองด้านอื่น ดีดีดีก็เอามือตบหลังชั้น
     "นั่นสิ...ไม่ได้นัดใช่มั๊ย"คิลเลอร์พูด"คือ...คือว่าชั้นดีใจนะ...แต่ก็ไม่ได้มากหรอกน่า!!"
     "ว้าว สุดยอดเลย ดีใจด้วยนะ!"บุนบอก"เรารีบไปโรงอาหารก่อนเถอะ เดี๋ยวคนจะเยอะกว่านี้อีก"
     "นั่นสินะครับ....สงสัยผมต้องหาพวกกาแฟมาดื่มซะแล้วสิ...."บานดาน่าขยี้ตา"เผลออ่านหักโหมไปด้วย"
     "งั้นเราไปกันเถอะ!"เมต้าไนท์เอามือมาควงชั้นทันที"เราไปกินข้าวพร้อมกันครั้งแรกในโรงเรียนนี้กัน!"
     "จะว่าไปนายอารมณ์ดีมากเลยนะช่วงนี้"ชั้นถามเขาไป"มีอะไรรึเปล่า"
     "ป....เปล่าหรอกๆ"เมต้าไนท์สดุ้ง เขาทำท่าอายๆ "แค่ว่าคิดถึงเพื่อนนี่นา"
     บุนเดินมากับพวกเราและเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง เขาบอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับพวกเรา ซึ่งทุกคนก็ตอบตกลงโดยไม่คิด
     ..........
     "โห..คนเยอะเกินไปแล้วมั๊ง..."คิลเลอร์พูด"แบบนี้ชั้นขอซื้อแค่ขนมปังตรงนั้นก็พอแล้ว"
     "นายไม่ชอบที่ที่คนเยอะก็บอกมาเถอะ"ดีดีดีว่าคิลเลอร์
     "แต่ว่าวันนี้กินขนมปังดีกว่านั่นแหล่ะ ใครๆก็อยากลองรสชาติอาหารที่นี่"บุนทักทุกคนที่ยืนตรงนั้น"
     "งั้น...ชั้นเอาขนมปังแยมนี่ละกัน อ๊ะ ของร้านปังมาม่านี่นา"ดีดีดีหยิบมาพร้อมจ่ายเงิน"ไม่ได้ไปนานแล้วแหะ"
     "ก็ตั้งแต่เรื่องนั้นจบลงนี่ครับ"บานดาน่าหยิบขนมปังไส้หมูหยองพร้อมกับสั่งกาแฟ"ไม่รู้ว่าอุ้มกับบุ๊คทำอะไรอยู่นะครับ"
     "เห็นว่าพากันสอบเข้าโรงเรียนอื่นนะ ติดทั้งคู่ด้วย"เคอร์บี้ตอบ"อยากกินขนมปังหน้านี่นานแล้ว ได้กินซักที"
     "อือ...เพื่อนของนายนี่เยอะนะ ดูท่าน่าสนุกจังเลย"บุนพูดต่อ เคอร์บี้พยักหน้า
     "รู้จักกันได้เพราะว่าตอนฝึกงานน่ะ แล้วต่อมาพวกเขาก็เริ่มเข้ามา"เคอร์บี้หันไปทางทุกคน"แต่ละคนก็มาไม่เหมือนกันด้วยสิ...."
     "ตอนที่ชั้นมาเจอเคอร์บี้ก็เป็นตอนที่ชั้นมาชิมอาหารแถวนั้น แล้วอยู่ๆชั้นก็ไม่รู้สึกตัวเอง รู้ตัวอีกทีเคอร์บี้ก็ล้างบาปให้ชั้นแล้ว"ดีดีดีพูด"เห็นอุ้มบอกว่านายพูดออกมาเหมือนในการ์ตูนตอนเช้าเลยนะ"
     "เคอร์บี้มาเจอชั้นตอนที่พายุเข้าน่ะ ไม่งั้น...ชั้นคงจะแย่แล้ว แต่ว่าไม่นานชั้นก็หลุดจากบาปนั่นได้เองนะ แล้วก็ไปช่วยพี่ด้วยนี่"เมต้าไนท์หันไปทางพี่ชายของเขา คิลเลอร์
     "..อะไรล่ะ คนอื่นไม่เท่าไหร่หรอก แต่ชั้นต้องขอบคุณเมต้าไนท์ที่สุดแล้ว"คิลเลอร์หยิบขนมปังหน้าช็อคโกแลตพร้อมจ่ายเงิน
     "เห..วันนั้นพายุก็ยังเข้าอยู่นี่นา ชั้นแอบแต่งเนื้อเพลงเกี่ยวกับนายสองคนเอาไว้แล้วนะ"ดีดีดียิ้มให้คิลเลอร์ คิลเลอร์สดุ้งทันที"นายก็เห็นแล้วนี่"
     "ไอ้เนื้อเพลงบ้าๆแบบนั้นน่ะเหรอ! เนื้อเพลงมันเกินความเป็นจริงไปเยอะเลยนะ!"คิลเลอร์ร้องใส่ดีดีดี ดีดีดีหัวเราะไม่หยุด ก่อนที่คิลเลอร์จะเอามือมาทุบดีดีดีไปมาเบาๆ
     "บ้า!บ้า! นายน่ะบ้าที่สุด!"
     "เอ่อ...ไม่เคยเห็นคิลเลอร์เป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะครับ..."บานดาน่าพูด"เอาเข้าจริงๆแล้ว คิลเลอร์น่ะเป็นคนที่ทำตัวเด็กกว่าที่คิดนะครับ"
     "ยังไงเหรอ"เคอร์บี้ถามบานดาน่า"ปกติเขาเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะ"
     "ก็นั่นแหล่ะครับ ความเป็นผู้ใหญ่ของคิลเลอร์น่ะเป็นแค่ภายนอก ตัวตนแท้จริงในใจของคิลเลอร์คงจะเป็นเด็กผู้ชายคนนึงที่เอาแต่ใจ เห็นคิลเลอร์เป็นคนที่พูดอะไรที่แทงใจคนอื่นแบบนั้นน่ะ ความจริงแล้วคิลเลอร์เขาเป็นห่วงนะครับ"บานดาน่าพูดพร้อมยิ้มอ่อน"เขาพยายามทำตัวเป็นพี่ที่แสนดีของเมต้าไนท์ พยายามทำตัวเข้มแข็งให้เมต้าไนท์ไงครับ"
     "โธ่...แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะซื่อตรงต่อใจตัวเองได้ล่ะ..."บุนถามบานดาน่า"ทำเป็นฟอร์มแบบนี้ คงไม่มีทางทำตามที่ใจตัวเองต้องการได้ทุกอย่างแน่ๆ"
     "ก็ขึ้นอยู่กับว่าคิลเลอร์จะทำอย่างไรต่อไปแล้วล่ะครับ"บานดาน่ายิ้มอ่อนอีกครั้ง"แต่แบบนี้ก็ถือว่าดีแล้วนะครับ"
     "จะว่าไป ตอนที่เจอนาย นายก็ถูกขังในกระจกไม่ใช่เหรอ"เมต้าไนท์หันมาถามบานดาน่า
     "ครับ เอาจริงๆแล้วผมนี่ก็บ้านะ เอาแต่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแฟนผมให้ได้จนทำเรื่องแย่ๆเข้าไป..."บานดาน่าเบาเสียงลง"เป็นถึงประธานนักเรียนของโรงเรียนเก่า แต่กลับเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแบบนี้"
     "ไม่หรอก นายน่ะมีดีตั้งหลายอย่างนะ"เคอร์บี้พูด"เราไปหาที่นั่งกินข้าว...เอ่อ ขนมปังดีกว่า"
     ...........
     "นั่นอะไรน่ะ"ชั้นถามดีดีดี
     "อ๋อ มันเป็นข้าวกล่องที่พ่อบ้านเอาไว้เผื่อฉุกเฉินน่ะ"ดีดีดีตอบกลับมา"รู้สึกว่าจะเป็นซูชินี่แหล่ะมั๊ง"
     "ว้าว สุดยอดเลย"เมต้าไนท์พูด"แล้วทำไมนายไม่กินล่ะ"
     "ก็กะว่าถ้ามีเพื่อนมากินข้าวด้วยก็จะแบ่งพอดีน่ะนะ บุน นายก็เอาด้วยสิ"ดีดีดีเปิดกล่องซูชิที่เขาเอามาด้วย ข้างในเป็นซุชิชั้นเยี่ยมหลายสิบชิ้น น่ากินจัง...
     "น่ากินสุดๆเลย....คงแพงมากล่ะสิ"
     "ไม่หรอกๆ นี่ฝีมือพ่อครัวบ้านชั้นน่ะ"ดีดีดีปัด"แต่ก็นะ วัตถุดิบก็แพงอยู่ดี"
     ทุกคนเริ่มหยิบซูชิของดีดีดีมากินคนละชิ้นสองชิ้น ชั้นเลือกหน้าสาหร่ายธรรมดาๆเพราะว่าชั้นชอบอันนี้ที่สุดแล้ว
     "อ้อ ลืมไปเลยว่ามีบางหน้าที่มีวาซาบิอยู่นะ"ดีดีดีพูด"ก็ไม่เยอะหรอก แต่คนที่ไม่ชอบเผ็ดก็กินไม่ได้แหล่ะ"
     "หว๋าย...มิน่าล่ะทำไมรสมันจี๊ดแปลกๆ"ชั้นพูดขึ้นมาก่อนที่จะดื่มน้ำตามไป
     "เอ๊ะ พี่"เมต้าไนท์หันไปมองทางคิลเลอร์"มีอะไรเหรอ"
     "โอ๊ะโอ...ท่าจะไม่ดีแหะ"บุนหันมามองชั้น"รึว่า...."
     "น้ำ....ขอน้ำด่วนเลยยยยย"คิลเลอร์โวยวาย"เผ็ดๆๆๆ น้ำ! น้ำ!"
     บานดาน่าเอาแก้วน้ำมาให้คิลเลอร์ คิลเลอร์จึงรีบแกะขนมปังเข้าปากทันที
     "ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า!"
     ทุกคนจ้องมาที่คิลเลอร์ ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ แน่นอนไม่เว้นแต่ชั้น
     "นี่นาย....กินเผ็ดไม่ได้เหรอ"ดีดีดีหัวเราะเบาๆ"ฮุฮุฮุ...ฮ่าฮ่าฮ่า!"
     "ขะ...ขอร้องล่ะ! อย่าไปบอกใครมากกว่านี้เลยนะ!"คิลเลอร์ยกมือขึ้น น้ำเสียงร้อนรนมากกว่าที่คิด"ไม่น่าเลย...."
     ชั้นทำได้แต่หัวเราะแห้งๆไป ตั้งแต่วันนั้นที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปก็ไม่ได้เจอเรื่องสนุกๆแบบนี้มานานพอควรนะเนี่ย
     ในช่วงที่ฝึกงาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชั้นไม่คาดคิดมันได้เริ่มเข้ามาในชีวิตชั้น ทำให้เป็นช่วงชีวิตที่ลำบากมาก อีกทั้งชั้นยังคิดจะทิ้งเพื่อนให้รับภาระไว้อีก ถ้าไม่ได้เจอดีพเอ็นด์ในฝันนั่น...ก็คงจะไม่ได้กลับมาหัวเราะแบบนี้อีก
     ที่ๆพวกเรามานั่งกินข้าวนั้นเป็นม้านั่งหินอ่อนที่แยกปลีกออกมาจากโรงอาหาร ม้านั่งนี่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ข้างๆมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมอยู่ แต่ทว่าคนกลับไม่ค่อยผ่าน ถ้าจะผ่านก็ไปอาคารเรียนของกลุ่มเกษตรเท่านั้น ที่นี่จึงเป็นแหล่งกินข้าวชั้นดีแต่ทว่าไม่ค่อยมีใครรู้จัก บุนเป็นคนพาพวกเรามา เขารู้เรื่องของที่นี่มากกว่าที่คิดแฮะ
     ..........
     "งั้น..วันนี้ชั้นกลับก่อนนะ"เมต้าไนท์พูด และสะพายกระเป๋า"ไม่ได้ทำงานพิเศษด้วยสิ กลับไปทำอะไรกินกับพี่ที่หอดีกว่า"
     "นายอยู่หอเหรอ"เคอร์บี้ถาม"ชั้นก็อยู่หอนะ"
     "เมื่อเช้าก็เพิ่งบอกไปนี่นา"เมต้าไนท์เดินออกจากประตูห้อง คิลเลอร์ยืนรออยู่ที่ระเบียง"งั้น เราไปก่อนนะ"
     "อื้ม โชคดีนะ"เคอร์บี้โบกมือลาเพื่อนเก่าของเขา ก่อนที่จะเดินมาพร้อมกับบุนเพื่อที่จะไปร้านขายของแถวนั้นก่อน
     "นายจะซื้ออะไรเหรอ"เคอร์บี้ถามบุน"ชั้นกะว่าจะมาซื้อของไปทำข้าวเย็นกินที่หอซักหน่อย"
     "ก็นะ ชั้นเขียนเอาไว้ในรายการหมดแล้วล่ะ"บุนยื่นให้เคอร์บี้ดู"ซื้อของไปให้ผู้ดูแลด้วย หอชั้นเป็นหอพักชายล้วนน่ะ"
     "เหรอ หอชั้นเป็นหอรวมอยู่เป็นบ้านน่ะ แต่เห็นว่าปีนี้มีแต่เด็กผู้ชาย ยังไม่เห็นหน้าตากันด้วย"เคอร์บี้คืนใบจดรายการซื้อของให้บุน"คิดว่าเย็นนี้ชั้นจะทำอาหารให้พวกเขาดีกว่า"
     "ย้ายมาใหม่หมดเลยเหรอ"
     "คิดว่านะ ปีเดียวกันด้วยแหล่ะ ถ้าเห็นหน้าแล้วจะถามนะว่าอยู่ห้องไหน"เคอร์บี้เดินมาจนถึงร้านสะดวกซื้อ และพากันเข้าไปพร้อมบุน หยิบของใส่ตระกร้า"ไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ที่อื่นแบบนี้อีกนะเนี่ย แต่ก็สนุกดี"
     "ปีที่แล้วนายฝึกงาน...ใช่มั๊ย"บุนถาม ตระกร้าของเขามีขวดน้ำหวานเต็มไปหมด"แสดงว่านายก็ต้องเคยอยู่แบบนี้บ้างนี่นา น่าจะชิน"
     "ก็คราวนี้มันพึ่งตัวเองนี่"เคอร์บี้พูดแล้วก็หัวเราะ"ทำซุปสาหร่ายดีมั๊ยนะ"
     เคอร์บี้และบุนจ่ายเงิน เดินออกมาจากร้านและแยกทางกัน เคอร์บี้เดินกลับหอพัก ระหว่างเขาแวะซื้อลูกชิ้นเพื่อเอามาเลี้ยงคนอื่นๆที่อยู่ที่หอพักเดียวกันกับเขา
     ..........
     "อือ...กุญแจหอ....กุญแจ...อ๊ะ เจอแล้ว"ชั้นหยิบกุญแจดอกเล็กๆสีขาวขึ้นมา"...หือ...ไม่ได้ล็อคนี่นา คนอื่นกลับมาแล้วเหรอเนี่ย"
     ชั้นเปิดประตูเข้าไป คงต้องพยายามทำเสียงร่าเริงที่สุดเพื่อทักทายคนที่อยู่หอด้วยกัน ดูเป็นมิตรเข้าไว้สิ ถึงจะดี
      "สวัสดีนะทุกคน!! ยินดีที่ได้รู้จักน----เอ๋!"
      ชั้นถึงกับตกใจทันที จะไม่ตกใจได้ไง ในเมื่อคนที่อยู่หอเดียวกันนั้นน่ะ...
      เป็นเพื่อนของชั้นทั้งหมดเลย
      "ว่าแล้วเชียว"คิลเลอร์พูด"กะไม่ผิด ถ้าชั้นกับเมต้าไนท์อยู่ที่นี่ บานดาน่าที่เดินเข้ามาเมื่อกี๊ก็ตกใจเหมือนกัน รวมถึงเจ้าบ้านั่นด้วย เพิ่งย้ายของเข้ามา"
     สุดยอด...อยู่หอเดียวกันหมดเลย อะไรมันจะบังเอิญ...ไม่สิ มันเรียกว่าเหมือนนัดกันมากกว่าแล้วมั๊ง
     คิลเลอร์บอกชั้นว่าเขากับเมต้าไนท์ที่ไม่เห็นกันที่หอเลยเพราะว่าทำงานพิเศษอยู่ กลับก็ดึกดื่นคนนอนกันหมดแล้ว ส่วนบานดาน่าบอกว่าเขาไปพักที่บ้านญาติแถวนี้ก่อน พอเปิดเทอมเขาจะมาอยู่ที่นี่ เรื่องค่าใช้จ่ายพ่อแม่ของเขาก็ส่งมาให้เป็นสัปดาห์ แต่ที่ชั้นสงสัยที่สุดก็คือดีดีดีนี่แหล่ะ บ้านก็รวยแต่ทำไมกลับเลือกมาอยู่หอซะงั้นล่ะ
     "ก็เพราะคุณพ่อบ้านบอกชั้นว่านายอยู่หอพักนี้น่ะสิ ชั้นเลยแอบมาอยู่ คุณพ่อบ้านห้ามชั้นไม่ได้หรอก พ่อกับแม่ก็อยู่ช่วงเที่ยวรอบโลกแล้วด้วย สบายใจได้ซักปีสองปี"ดีดีดีตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจ"ชั้นอยากลองมาอยู่แบบนี้บ้างน่ะสิ อยู่แต่บ้านที่มีคนรับใช้แบบนั้นมันน่าเบื่อจะตาย อยากลองทำอะไรด้วยตัวเองดูบ้าง"
     บานดาน่ายกหม้อไฟดินมาตั้งที่โต๊ะกลางหอ...ตอนนี้เรียกว่าบ้านดีกว่า สีสันนั้นน่ากินมาก แต่คิลเลอร์ดูท่าไม่ดี
     "ไม่เผ็ด...ใช่มั๊ยนั่นน่ะ"คิลเลอร์มอง ถึงหน้ากากจะปิดสีหน้าไว้ แต่ชั้นเดาว่าเขาคงจะทำหน้าซีดแน่ๆ
     "สีมะเขือเทศน่ะครับ ไม่เผ็ดหรอก"บานดาน่าบอก"ออกรสเปรี้ยวๆเค็มๆ แต่ก็ไม่มากนะครับ ถ้าคนไหนที่อยากกินเผ็ด ผมมีพริกเติมอยู่นะครับ"
     "ค่อยยังชั่ว...."
     คิลเลอร์ยังคงไม่หมดกับปัญหาที่ตัวเองกินเผ็ดไม่ได้อยู่สินะ ชั้นก็คิดไม่ถึงหรอกว่าเขากินเผ็ดไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยเห็นเขากินอาหารรสจัดๆเลยซักครั้ง ตอนที่ฝึกงานเวลากินข้าว เขาก็ตักกินแต่กับข้าวรสหวานๆไม่ก็จืดไปเลย ส่วนเมต้าไนท์ไม่มีปัญหาเรื่องนี้
     ท่าทางคิลเลอร์จะเป็นคนอย่างที่บานดาน่าพูดมาจริงๆนั่นแหล่ะ
     "แต่ว่า...แตว่า....."เมต้าไนท์พูดขึ้นมา"ไหนๆก็อยู่หอเดียวกันแบบนี้แล้ว คืนนี้มานอนด้วยกันดีกว่าเน๊อะ"
      "ความคิดดีนี่ ชั้นก็อยากนอนแบบนั้นนะ!"ดีดีดีพูด ก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก"จะได้เห็นด้วยสิ...หน้าตาของเมต้าไนท์กับคิลเลอร์ตอนถอดหน้ากาก"
      จะว่าไปแล้ว ชั้นยังไม่เคยเห็นสองพี่น้องคู่นี้ถอดหน้ากากเลยซักครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นตอนไหนก็ตาม
     "ไม่ต้องเห็นหรอก วันนี้ชั้นจะใส่หน้ากากนอนนะ!"คิลเลอร์พูดขึ้นมา"นายไม่มีวันได้เห็นแน่!"
     "แต่ทำไมเมต้าไนท์กับคิลเลอร์ยังใส่อยู่ล่ะครับ"บานดาน่าวางจานข้าวลง"ทั้งที่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว"
     "เพราะว่ารู้สึกอบอุ่น/สบายใจนะสิ"พวกเขาพูดพร้อมกัน ถึงมีคำที่ไม่เหมือนกันแต่ก็รู้ชัดเลยว่าสื่อออกมาเหมือนกัน คำว่าอบอุ่นของเมต้าไนท์กับคำว่าสบายใจของคิลเลอร์มันทำให้ชั้นรวมกันเป็นคำว่า ความสัมพันธ์ ทันที
     สองคนนี้อาจจะรักกันมากกว่าที่คิดก็ได้ คนพี่ที่เป็นคนพยายามทำตัวเข้มแข็งกับคนน้องที่เป็นคนคอยเอาใจใส่พี่ อะไรมันจะเป็นฝาแฝดที่ดีกว่านี้ได้ล่ะ
     "แหมๆ พูดแบบนี้แสดงว่ามีอะไรมากกว่าพี่น้องงั้นเหรอ..."ดีดีดีพูดเย้ยยัน
     "นายพูดอะไรอีกแล้วนั่น!"คิลเลอร์โวยวายขึ้นมาทันที"เดี๋ยวเถอะ!"
     "เอาน่าๆ แต่ยังไงพวกเราก็เป็นแค่พี่น้องนะ"เมต้าไนท์พูด
     "แสดงว่าช่วยกันปกปิดใช่มั๊ยล่ะ"ดีดีดีพูดกับเมต้าไนท์ต่อ"แหมๆ ไม่ต้องอายหรอกน่....หว๋า"
     เมต้าไนท์จู่ๆก็ลุกขึ้นแล้วหยิบด้ามไม้กวาดแถวนั้นมา พูดด้วยน้ำเสียงช้าๆแต่น่าขนลุกทันที
     "...พอดีว่าชั้นทำข้าวหกน่ะ ไม่เป็นไรหรอกนะ..ชั้นจะกวาดล้างเอง....."
     "แย่แล้ว...นายไปทำเมต้าไนท์ฟิวส์ขาดแล้วล่ะ"คิลเลอร์พูดกับดีดีดี"เมต้าไนท์เวลาโกธรนี่น่ากลัวเป็นบ้าเลยนะ"
     คิลเลอร์รีบเดินถอยหลังทันที เขาเดินไปหลบหลังบานดาน่า เมต้าไนท์เริ่มเอาไม้กวาดไล่ฟาดดีดีดีทันที
      "นายว่าไงนะ! บอกว่าไม่มีอะไรมากกว่านี้ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้สิ! ต้องพูดอีกกี่รอบห๊า!!!"
      "ขะ...ขอโทษ!! ขอโทษ!"ดีดีดีรีบยกมือขึ้น"ชั้นจะไม่ล้ออีกแล้ว ขอโทษ!"
      "แล้วไป"เมต้าไนท์วางไม้กวาดลงที่เดิม"แต่ถ้าคราวหน้ายังมีอีก..."
       "คร้าบ...."ดีดีดีเสียงจ๋อยลงไปทันที คิลเลอร์ค่อยๆออกมาจากหลังบานดาน่าและนั่งลงข้างๆชั้น พากันกินข้าว เก็บข้าวเก็บของ และยกผ้าปูที่นอนออกมา ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ
       "งั้น...คืนนี้พอเท่านี้ละกันนะ พรุ่งนี้ค่อยเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน"
       ทุกคนตอบแต่แค่อือ อื้ม ชั้นจึงปิดไฟและลงนอนทันที
       เหมือนเดิมกับคราวที่แล้ว ชั้นว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณอย่างนึงที่จะเกิดเรื่องใหญ่ การที่ทุกคนมาเจอกันอีกครั้งต้องไม่บังเอิญแน่ๆ รึว่าดีพเอ็นด์...
      แต่ว่าตอนนี้ขอใช้ชีวิตสงบสุขกับเพื่อนก่อนดีกว่า ถ้ามีภาระที่ต้องรับผิดชอบอีก คราวนี้ชั้นจะไม่ทิ้งเพื่อนแล้ว
      ชั้นจะเผชิญหน้าสิ่งเหล่านั้นพร้อมกับเพื่อนของชั้นที่ชั้นล้างบาปให้โดยไม่ลังเล