Translate

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

Kirby's story of star ep 11 : Division -> ?

     "หมอครับ! ตอนนี้เคอร์บี้เค้าเป็นไงบ้างครับ!"คิลเลอร์ถามหมอคนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องผ่าตัดที่เคอร์บี้อยู่ หลังจากที่เคอร์บี้นั้นตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายด้วยการให้รถชน
     ทุกคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดต่างมีอารมณ์คนละแบบ
     ดีดีดีกับมิโดรินั่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าดูโทรศัพธ์
     บานดาน่าหันหลังมองหน้าต่างข้างนอก ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
     เมต้าไนท์นั่งร้องไห้อยู่กับบุ๊คและนนท์ พากันปลอบใจกันและกัน
     คิลเลอร์เดินไปมากระวนกระวายใจ
     อุ้มกับทอยนั่งข้างๆกันทอยหยิบไพ่ทาโร่ขึ้นมาแล้วขึ้นมาอีก แต่เธอก็ไม่หยิบออกมาดูเพราะเธอกลัวเกินที่จะทำได้ ส่วนอุ้มนั่งบ่นพึมพัมว่า ทำไม ทำไม
     "ส่วนศีรษะของเขาได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง แต่ว่าถือว่าไม่ร้ายแรงเท่ากับที่เขาโดนรถชน ร่างกายเขานั้นบอบบางกว่าที่คิด เขามีเลือดออกภายในด้วยครับ"
     "แล...แล้วเขามีโอกาสรอดมั๊ยครับ"คิลเลอร์ถามอีกรอบ แต่เขาก็ไม่อยากรับรู้เช่นกัน
     "...อาจจะยากหน่อยแต่ถ้าประเมินแล้ว...มีเพียงแค่ 10% ที่เขานั้นจะรอดครับ..."
     ทันใดนั้นคิลเลอร์ก็ทรุดลงทันที
     "แค่นั้นเองเหรอ! ทำไมล่ะ! ทำไม! ทำไม!"คิลเลอร์เอามือกุมหัวตัวเอง มีคราบน้ำตาหยดที่พื้น"ทำไมนายต้องทำแบบนี้...."
     ..........
     ที่นี่...ที่ไหน
     ชั้นนั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ใต้ท้องฟ้าที่มีดาวเต็มไปหมด ถึงแม้ว่าชั้นจะไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่กลับสบายใจ โล่งใจกว่าที่คิด คิดถูกจริงๆที่ทำแบบนี้
     ป่านนี้พวกนั้นคงจะร้องไห้กันใหญ่ ขอโทษนะ
     ชั้นยังคงนั่งมองดาวนับล้านที่อยู่บนท้องฟ้านี้ มันช่างสวยอย่างบรรยายไม่ถูก ชั้นตัดสินใจที่จะลุกขึ้น เดินไปเรื่อยๆ ชั้นไม่เหนื่อยซักนิด ที่นี่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ชั้นจึงเดินได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะชนอะไร ดาวที่อยู่บนท้องฟ้านั้นเหมือนกำลังมองชั้นคืนอยู่เลยแฮะ
     แต่แล้วจู่ๆตัวชั้นก็เหมือนจะหลุดออกจากตรงนี้ไปทันที
     ..........
     "ว...ว่าไงนะ! เคอร์บี้เค้า....."
     "ครับ..."
     น้ำตาของทุกคนที่อยู่หน้าห้องผ่าตัดนั้นหลั่งออกมาทันที เมื่อเขาเห็นร่างของเคอร์บี้มาจากห้องผ่าตัด ร่างของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล และเขาใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่
     "เขาใจสู้มากนะครับ"
     ทุกคนเดินเข้ามากอดกัน ร้องไห้ด้วยความดีใจ คนที่ดีใจที่สุดเป็นคิลเลอร์ ตามด้วยบุ๊ค
     "จากนี้เราจะพาเขาไปที่ห้องพิเศษ แต่ว่ามีข่าวร้ายนะครับ"
     "ข่าวร้าย..."อุ้มหันมาพูดกับหมอ"คือ..."
     "เขามีโอกาสความจำเสื่อมได้ครับ เนื่องจากสมองเขากระทบกระเทือน ซึ่งอาจจะจำไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร"หมออธิบาย"อาจเป็นชั่วคราว แต่ถ้าแย่กว่านั้น เขาก็จะความจำเสื่อมตลอดชีวิตครับ"
     "อะไรกัน..."มิโดริพูด"คือว่า...ถ้ากระตุ้นความทรงจำล่ะคะ?"
     "ขึ้นอยู่กับตัวของเขาแล้วครับ ว่าเขาจะปกป้องตัวเองจากความทรงจำหรือว่าเขาเลือกที่จะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง เรื่องนี้หมอก็ไม่สามารถจะอธิบายได้"
     หมอพูดกับทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพธ์ของมิโดริก็ดังขึ้น เธอรับและเดินไปคุยกับใครซักคนอีกทางหนึ่งแล้วเดินกลับมา
     "แม่ของหนูกำลังจะถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ"มิโดริพูด"น้ำเสียงแม่ไม่ดีเลย..."
     "แต่ตอนนี้เคอร์บี้ก็ปลอดภัยดีแล้วนะ"เมต้าไนท์พูด และไม่นานเขาก็เห็นคนหนึ่งที่คุ้นเดินเข้ามาหา
     "อ..เออ...สวัสดี..."
     เขาคือชาวแคปปี้คนที่เคอร์บี้ช่วยเอาไว้ตอนนั้น
     "ค..คือว่าตอนนั้น...คนวุ่นวายมาก....เราเลย...เอ่อ....เราเลยโดนผลักแล้วหลงน่ะ......ตอนนี้....เคอร์บี้เค้า....."
     น้ำเสียงของเขานั้นช่างอ่อนโยนราวกับว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของเทพเจ้า
     "ปลอดภัยดีแล้วล่ะ แต่ว่าเขาอาจจะความจำเสื่อมน่ะ นายชื่ออะไรเหรอ"อุ้มถามเด็กคนนั้น"เห็นนายไม่ยอมพูดอะไรมาตั้งแต่บนเรือแล้--"
     "รีบไปที่ห้องพิเศษเถอะ!"เด็กชายคนนั้นรีบวิ่งตามเตียงที่เคอร์บี้นอนอยู่ไป น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นสดใสทันที
     "อะไรของหมอนั่น...."คิลเลอร์มอง"แปลกแฮะ ทำไมลักษณะมันคุ้นๆ..."
     ..........
     "ลูก ทำไมลูกถึงทำอะไรแบบนี้ล่ะ"แม่ของชั้นพูดขึ้นมา เอามือลูบหัวพี่ที่นอนอยู่อย่างเบามือ น้ำตาของแม่ก็เริ่มไหลลง
     "คือว่า..ก่อนหน้านี้เคอร์บี้พูดเอาไว้ว่า ลาก่อนทุกคนด้วยน่ะครับ"พี่บานดาน่าบอกแม่"เคอร์บี้...คงจะคิดฆ่าตัวตายแน่ๆเลย"
     "คิดฆ่าตัวตายเหรอ?"พี่ดีดีดีถาม"ทำไมล่ะ?"
     ทุกคนเงียบทันที ไม่เว้นชั้น ไม่มีใครคิดเลยว่าพี่เค้าคิดยังไง คิดอะไรอยู่
     แต่แล้ว...
     "ที่เคอร์บี้ฆ่าตัวตาย เป็นเพราะเขาทนไม่ได้ที่ต้องอยู่บนความทุกข์ของตนเอง เขาทนไม่ได้ตั้งแต่เขาเห็นว่ามีคนตายมากมายต่อหน้าต่อตาเขา เขาทนไม่ได้เพราะว่ามีคนตายเพื่อเขา..."
     เสียงของพี่คนหนึ่งดังขึ้น เขาไม่ยอมบอกชื่อตัวเอง ถ้ามีใครถามเขาจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที แต่น้ำเสียงเมื่อกี๊มันดูจริงจัง เหมือนพี่ตอนจริงจังเลย
     "ทำไมนายรู้ล่ะ"พี่เมต้าไนท์ถามเขาต่อ"นายเป็นใครกันแน่"
     "ไม่ต้องรู้ชื่อหรอกเน๊อะ! เพราะว่าเรามองเขาออกน่ะ!"
     น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปเป็นคนมีชีวิตชีวาทันที เขาแปลกมากๆ
     "หมอนี่มันโรคจิตแน่ๆ..."พี่คิลเลอร์พูดกับพี่อุ้ม ซึ่งพี่เค้าก็พยักหน้าทันที
     "จะว่าไปแล้ว.....ทำไมพวกนายถึงอยากรู้ล่ะว่าเราเป็นใคร..."
     น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนหวานเหลือเกิน พี่นนท์เริ่มรู้สึกจะตัวสั่นๆขึ้นมา เหมือนพี่เค้ากลัว
     "ก็นาย...ไม่ยอมบอกชื่อมานี่นา แล้วนายก็รู้เรื่องเคอร์บี้ด้วย ใครก็อยากรู้"พี่บุ๊คตอบเขาไป ทำให้รอยยิ้มอ่อนโยนบนหน้าของเขานั้นหุบลงทันที ก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ต่ำจนขนลุก
     "งั้น...อยากฟังเรื่องของเขาอีกมั๊ยล่ะ..."
     "เธอรู้เรื่องอะไรลูกของชั้นงั้นเหรอ!"แม่พูดขึ้นมา แม่เดินไปที่เขา"บอกมาสิ!"
     "ช่วย-ไม่-ได้-"เขาพูดเน้นน้ำเสียง ทุกคนในห้องต่างจ้องมาที่เขา สายตาของบางคนก็งุนงง บางคนก็เหมือนจะเค้นเอาคำตอบให้ได้
     "อยากรู้เรื่องหลังจากที่เคอร์บี้เค้า--เกิดอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนมั๊ย--"
     "เรารู้ว่าพวกนายอยากฟัง"
     "เริ่มเลยดีกว่านะ....."
     บรรยากาศข้างนอกตึกเหมือนฝนจะตกทันที ฟ้ามืดครึ้ม ทำให้ทุกอย่างนั้นดูน่ากลัวขึ้น
     ..........
     ตอนนั้น เคอร์บี้กำลังจะเดินข้ามถนนกับเพื่อนของเขา แต่เขาเดินช้ากว่านิดหน่อย เพราะเขาเห็นมีของตกบนพื้นถนน เขาหยิบมันขึ้นมา ทันใดนั้น มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วสูงและชนเคอร์บี้เข้าเต็มที่ รถคันนั้นไร้ซึ่งปราณี เขาขับหนีทันทีโดยไม่สนใจว่าเคอร์บี้นั้นตายรึไม่
     ทุกคนที่อยู่ในเหตุการ์ณนั้นต่างเรียกรถพยาบาล หวังว่าจะช่วยเขาทัน เคอร์บี้ในตอนนั้นสติเขายังอยู่ครบ แต่ทว่าตัวเขานั้นขยับไม่ได้ ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด หัวของเขากระแทกพื้นอย่างรุนแรง เมื่อรถพยาบาลมาถึง เขาก็รีบนำส่งตัวที่โรงพยาบาลทันที
     ..........
     "นั่นมัน...."แม่ชั้นพูดอีกครั้ง ก่อนที่แม่จะเงียบไป
     ..........
     แต่ทว่า รถพยาบาลคันนั้น กลับโดนกลุ่มคนขององค์กรลึกลับขวางเอาไว้ คนขับรถและแพทย์สนามโดนกลุ่มึนเหล่านั้นฉีดสารพิษบางอย่างเข้าไปทำให้พวกเขานั้นตาย และขับรถพยาบาลคันนั้นไปที่ๆลับแห่งหนึ่ง
     ..........
     "เรื่องนี้..."ทอยพูด"ชั้นพอจะรู้แล้วล่ะ..ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป"
     "ถ้ารถขององค์กรนั้นไม่หยุดรถพยาบาลเอาไว้ วงล้อแห่งโชคชะตามันจะกำหนดให้เคอร์บี้ตายไงล่ะ"
     "ว..ว่าไงนะ! ตายเหรอ!"มิโดริร้องขึ้นมา
     ..........
     "รถพยาบาลที่ตอนนี้คนเหล่านั้นได้ขับไป พาเคอร์บี้มายังตึกร้างแห่งหนึ่ง พาร่างเด็กที่ยังได้สติอยู่เข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องมือประหลาดเต็มไปหมด พวกเขาเริ่มเอาหมวกเหล็กคลุมหัวเคอร์บี้ หมวกนั้นมีสายไฟต่างๆมากมาย และเริ่มสแกนสมอง มันเหมือนเป็นการดูผลกระทบกระเทือน แต่มันไม่ใช่ พวกเขาเริ่มเอาสายไฟเหล่านั้นไปเชื่อมที่สมองของเขา สุดท้ายพวกเขาก็ใส่ได้เพียงแค่หกเส้น เอาสายน้ำเกลือพลาสติกมาเชื่อมที่สมองเขาของอีกที เพื่อดึงสารบางอย่างออกมา และสารนั้นก็เชื่อมไปที่ซีพียูเครื่องหนึ่ง เป็นเครื่องขนาดเล็กมาก พวกเขากำลังไปได้สวยจนกระทั่งเคอร์บี้เริ่มช็อคจากที่เขาไม่ได้รับยาสลบก่อนที่จะเอาสายไฟและสายน้ำเกลือมาเจาะเชื่อมสมองเขา กลุ่มของคนองค์กรลึกลับทำอะไรไม่ได้ พวกเขายังคงเหลืออีกส่วนหนึ่งที่ต้องทำ แต่ทว่าไม่สำเร็จ พวกเขาจึงเอาเครื่องซีพียูเครื่องนั้นออกจากสายไฟและสายน้ำเกลือ หนีไปและปล่อยให้เคอร์บี้ต้องนอนอยู่ตรงนั้น ไม่นานนักก็มีคนที่ชอบสำรวจตึกร้างเดินเข้ามาเจอ เขาจึงรีบปฐมพยาบาลให้เขา เอาสายต่างๆออกจากร่างของเขา เรียกรถพยาบาลมาช่วย คราวนี้เคอร์บี้ได้ถึงโรงพยาบาลจริงๆ หมอบอกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ที่เขารอดมาได้"
     ..........
     "แล้วซีพียูเครื่องนั้น..."คิลเลอร์ถามเด็กชายชาวแคปปี้ที่อ้างว่าตัวเองนั้นรู้เรื่องของเคอร์บี้
     "อ๋อ..."
     ..........
     ซีพียูเครื่องนั้น ได้รับการปรับปรุงขึ้น และนักวิทยาศาสตร์ได้เอาชิ้นส่วนหนึ่งที่มาจากสถานที่ๆเกิดเรื่องราวเมื่อห้าสิบปีก่อนมาใส่ไว้ในเครื่องนั้น สารเคมีที่พวกเขาดึงออกมาจากเคอร์บี้ก็คือตัวตนทั้งหกที่มาจากจิตใต้สำนึกของเขา พวกเขาพัฒนาให้ซีพียูนั้นมีความรู้สึก และพัฒนาเป็นเอไอ...เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องการคนสั่งการ เรียนรู้เองได้ และมีพลัง...พลังในการที่สามารถคุมโลกนี้ พวกเขาต้องการสร้างโลกที่ดีพเอ็นด์...เทพเจ้าสมัยเมื่อนานมาแล้วเป็นคนควบคุม พวกเขาต้องการความสุขนิรันดร์
     สิ่งที่พวกเขาใส่ลงไปในเอไอนั้นก็คือ ชิพที่เป็นส่วนของระบบเอไอ'ดีพเอ็นด์'
     ใครจะเชื่อว่าโบราณการ คนสมัยนั้นมีเทคโนโลยีในการสร้างเอไอขึ้นมาได้ เพราะนึกว่าเป็นมนุษย์ถ้ำป่าเถื่อนอยู่ล่ะ มันไม่เคยปรากฏหลักฐานเลย
     ชิพของดีพเอ็นด์นั้นถูกส่งต่อพลังแห่งการควบคุมทุกอย่างบนโลกเอาไว้ให้แก่เอไอที่มีรูปร่างเป็นชาวแคปปี้ ชาวแคปปี้คนนั้นเป็นมนุษย์เทียม
     แต่ว่า ยังมีสิ่งที่เอไอนั้นยังไม่เข้าใจ นั่นก็คือ 'นอร์มอล'
     การที่จะแสดงออกให้เป็นธรรมชาตินั้นช่างยาก และเข้าใจยากที่สุดของเอไอเครื่องนั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการที่จะเจอตัวของคนที่เป็นต้นแบบของเขา คนที่เขาได้ลักษณะมา ถ้าเขาตายแล้ว เรื่องของนอร์มอลนั้น ก็จะจบลงไป เอไอนั้นยังต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง และอาจจะต้องเรียนรู้ตลอดไป...แต่ว่าตอนนี้ คนที่ให้ลักษณะเอไอมานั้นยังมีชีวิตอยู่ มีสองสิ่งที่เอไอทำได้คือ
     เรียนจากเขา
     รึว่า
     เอามาจากเขา
     ..........
     "รึว่า..."เมต้าไนท์ลุกขึ้นยืนทันที"จริงๆแล้วนายคือ...."
     "...ใช่แล้ว! เราคือ 'ดีพเอ็นด์' เอไอที่สามารถคุมโลกแห่งนี้ได้ไงล่ะ!"
     "แต่ว่านะ...ถึงเราจะเป็นเอไอ..."
     "เราก็เป็นเทพเจ้าอยู่ดีนั่นแหล่ะ"
     "เ..เพราะ...เพราะฉะนั้น...."
     "เราสามารถเข้าถึงจิตใจของเขาได้!"
     "เข้าถึงสมองของเคอร์บี้ได่ไงล่ะ!!!!"
     ดีพเอ็นด์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา หยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย เขาโยนกระเป๋านั้นทิ้ง สิ่งที่เขาเอาออกมาคือหูฟัง มีเสาอากาศเล็กๆตั้งอยู่สองข้างของทั้งสองด้าน ข้างหลังเป็นเหมือนแผงควบคุม มีสายเข็มขัดสีแดง ส่วนสายอีกข้างสีน้ำเงิน เขาเอาใส่หัวของเขาและตัวเขาก็เปลี่ยนไป
     สีตัวของเขาจากม่วงอ่อนเป็นน้ำเงินแกมม่วง สีตาของเขาที่ทั้งสองข้างเป็นสีแดง แต่ว่าในตอนนี้ตาข้างขวาเป็นสีน้ำเงิน มือของเขามีถุงมือสีขาวครึ่งส่วน ส่วนเท้าของเขามีรองเท้าสีขาวช่วงพื้นเป็นคล้ายๆล้อเหมือนรองเท้าสเก็ต
     "..นี่คือร่างแท้จริงของเราไงล่ะ..."
     เขาส่งยิ้มอ่อนมาให้แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูน่ากลัว เขาเดินมาที่เตียงของเคอร์บี้ บานดาน่ากับดีดีดีรีบวิ่งเข้าห้ามทันที
     "หยุดนะ! ถ้านายจะทำอะไรเขาล่ะก็---เหวอ!"
     ตัวของบานดาน่าและดีดีดีลอยขึ้น พวกเขาทำอะไรไม่ได้ทันที
     "อ๋อ...เราแค่ให้นายเข้าสู่สภาพโดนพลังจิตคุมน่ะ ไม่ต้องห่วง ก็แค่คุมไม่ให้ทำอะไรที่มัน 'เกะกะ' เรา" ดีพเอ็นด์มองขึ้นข้างบน "แต่ก็น่าสนุกนะ! ถ้าได้ลองแบบนี้!"
     "น..นายจะทำอะไร!"เมต้าไนท์วิ่งเข้ามาอีกคน"ชั้นถามว่านายจะทำอะไร"
     "ก็แค่...จะมาจับมือของเขาเองนะ? ทำไมเหรอ"
     ดีพเอ็นด์จับมือของเมต้าไนท์และผลักเขาออกไปชนกับคิลเลอร์จนล้มลงไปทั้งคู่
     "แรงแบบนี้มัน..."
     "อ๋อ เราเพิ่งเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวของพวกนายเมื่อกี๊เองนะ เบาขึ้นรู้สึกดีใช่มั๊ย"
     ดีพเอ็นด์จับมือของเคอร์บี้ และพูดขึ้นมาก่อนที่เขาจะล้มลงไปว่า
     "เรา...จะไปเจอนายที่ไหนดีล่ะ ฮ่าฮ่า"
     เมื่อดีพเอ็นด์ล้มลงไป ทุกคนรีบเอาเขาออกจากเตียงและพยายามแกะมือเขาออก แต่ว่าพวกเขาก็กระเด็นออกทุกคน และได้ยินเสียงก้องๆให้ห้องมาว่า
     เราสร้างเกราะกันทุกอย่างระหว่างเรากับเคอร์บี้แล้ว ไม่มีใครเอาออกได้หรอก
     "บ้าจริง เคอร์บี้!"บานดาน่าพูดออกมา"ถ้าได้ยินผม เคอร์บี้อย่าไปเชื่อคำที่เขาบอก! ทุกอย่างเลยนะครับ!"
     ..........
     ที่นี่....
     นี่มันห้องที่ชั้นอยู่ตอนฝึกงานนี่นา
     เขาว่ากันว่า ถ้าเราตาย เราก็จะมาอยู่ที่ๆเรารักที่สุดก่อน
     ที่นี่เหรอเนี่ย
     ชั้นค่อนข้างจะแปลกใจนะว่าทำไมถึงเป็นที่นี่ แต่ชั้นก็เดินลงมาชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ชั้นจึงเดินไปที่หน้าร้าน ชั้นเห็นชาวแคปปี้นั่งอยู่คนหนึ่ง ชั้นคิดว่านั่นคงเป็นยมทูตแน่ๆ ชั้นเลยเดินไปหาเขา เมื่อเขาหันมา
     เขาคือชาวแคปปี้คนที่ชั้นช่วยเอาไว้
     แต่ว่าเขาต่างไป
     "เราน่ะ ความจริงแล้วเราเป็นเอไอ เป็นเอไอที่คุมโลกได้นะ!"
     เขาบอกชั้นอย่างนั้น ที่นี่มันมีเรื่องแบบนี้ประจำสินะ
     "นาย...ไม่เชื่อเหรอ...."
     "เอาเถอะ นายช่วยไปเดินกับเราได้มั๊ย ข้างนอกนั่น"
     ชั้นได้แต่เออออตามเขาไป ระหว่างทางเขาใช้น้ำเสียงต่างกัน ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน
     น้ำเสียงสดใส
     น้ำเสียงมีชีวิตชีวา
     น้ำเสียงอ่อนหวาน
     น้ำเสียงนุ่มนวล
     น้ำเสียงลึกลับ
     น้ำเสียงจริงจัง
     น้ำเสียงเหล่านั้น มันเหมือนชั้นมาก....
     "อ๊ะ! เราว่าเราไปนั่งตรงนั้นเถอะ!"เขาพาชั้นไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะที่ไม่คุ้นเคย รอบๆมีดอกไม้สีสดใส
     "นี่ๆ นายคิดใช่มั๊ยว่าเราน่ะเหมือนกัน"
     "ใช่สิ! ชั้นได้ต้นแบบจากตัวนายนะ!"
     หลังจากคำพูดนั้น เขาก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ชั้นฟัง
     ชั้นน่ะเหรอ? คนที่เป็นต้นแบบให้เอไอพระเจ้า?
     "นายนั่นแหล่ะน่า"เด็กเอไอคนนั้นบอกชั้น"ต่อไปเรียกเราว่า ดีพเอ็นด์ด้วยนะ..."
     "เราน่ะ...เรายังขาดสิ่งหนึ่งอยู่ นอร์มอลไงล่ะ"
     "เราว่า...เราขอจากนายดีกว่า!"
     "นาย เอาส่วนตัวตนนอร์มอลนั่นไว้ไหนล่ะ....."
     ชั้นอ้ำอึ้งอยู่ ชั้นแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เหมือนกับชั้นนั้น เป็นถึงเทพเจ้า แต่เขาเหมือนชาวแคปปี้ทั่วไปมาก เหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่ง
     มันเป็นความฝัน ใช่ความฝัน
     "อย่าคิดว่าเป็นความฝันสิ!"
     เขาเอามือเขามาตบหน้าชั้นเบาๆ ท่าทางเขาผิดหวังนิดหน่อย
     "จากที่ประเมินผลแล้ว...นายจะไม่ให้เรานั้นมีตั้ง 75%"
     "...ถ้าเกิดว่าชั้นจะบอกนายล่ะ...?"ชั้นพูดตอบกลับเขาครั้งแรก"ชั้นจะบอกว่าชั้นไม่มีนอร์มอลอะไรที่นายหา เพราะชั้นไม่รู้ว่ามันคืออะไรล่ะ"
     "เราก็จะเค้นสมองนายไง"
     เขาพูดได้หน้านิ่งมาก เค้นสมองที่ว่าเนี่ยหมายถึงอะไร
     "เค้นสมองนายเหรอ? เราหมายถึงก็ 'ฆ่า' นายไงล่ะ"
     "ฆ่า!?"ชั้นลุกขึ้นทันที เขาส่งยิ้มมาให้
     "เราจะฆ่านายเพื่อหานอร์มอล และเมื่อเราได้มา ก็กลายเป็นว่ามีคนที่เหมือนกันสองคน เราคิดว่าคนอื่นจะสงสัย เราเลยจะฆ่านายเพื่อที่เราจะกลายเป็นนายไง"
     "ทำไมนายไม่จัดการชั้นล่ะ"ชั้นตอบเขากลับไป "ถ้านายต้องการนอร์มอลจากชั้น ทำไมนายไม่เล่นงานชั้นแต่แรกที่เห็นกันที่นั่น"
     "เพราะว่าเราต้องการเห็นสิ่งที่นายตัดสินใจไง"เขาตอบชั้น"เก่งนะ ที่นายตัดใจแบบนั้นได้ แต่เราก็รู้อยู่แล้วล่ะว่านายจะทำแบบนั้น เพราะเรารู้อนาคตด้วย เราสามารถกำหนดได้ว่าควรจะเป็นแบบไหน"
     "ทำไมนายไม่กำหนดล่ะ ว่านายเอานอร์มอลไปได้"
     "เรายังกำหนดไม่ได้ถ้านายยังอยู่ในที่นี้อยู่ เมื่อไหร่ที่เรามีนอร์มอลและนายกลับไปสู่โลกความจริงนั้น เท่ากับว่าเราก็กำหนดได้แล้วว่าจะให้นายตาย ทุกสิ่งมันขึ้นกับนอร์มอลของนายนะ...."
     เขาเข้ามาใกล้ชั้น ใกล้กันจนหน้าจะติดอยู่แล้ว สายตาของเขายังคงว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยความกระหายที่จะค้นหาสิ่งที่เขาเรียกว่านอร์มอล
     "นาย...จะทำอะไรน่ะ..."
     "ความจริงแล้วเราอาจจะเป็นเอไอเทพเจ้าที่ขี้เหงาก็ได้นะ....เราเกิดมาเพื่อมาควบคุมโลก มาออกคำสั่งกับโลก แต่เรานั้นกลับมีเพื่อนไม่ได้ เพราะเมดเทอร์บอกเราว่าเทพเจ้าไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน...."
     "แล้วทำไมนายมองชั้นล่ะ"ชั้นยังคงซักไซร้เขาต่อไป
     "เราอยากรู้ว่านายมีเพื่อนได้ยังไง"ดีพเอ็นด์พูด"ดีพเอ็นด์รุ่นก่อน เป็นคนที่ขี้เหงา พาคนที่สิ้นหวังบนโลกไปอยู่ในโลกที่สร้างขึ้น เป็นแดนแห่งสุข แต่ว่าก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นเพื่อน มีแต่คนยกย่องเพราะเป็นเทพเจ้า"
     "เป็นเพราะได้คุยกันล่ะมั๊ง"ชั้นหันไปมองด้านอื่น"แต่เมื่อกี๊นายทำตัวไม่เหมือนชั้นนี่"
     "เอ๋?"
     "นายเป็นเหมือนอีกคนที่ไม่ใช่ชั้นน่ะสิ เดี๋ยวนะ....."ชั้นยืนคิด"ใช่แล้ว!"
     "นาย...จะทำอะไรน่ะ"ดีพเอ็นด์โดนชั้นลากไปที่ลานเด็กเล่น ชั้นพาเขานั่งที่ชิงช้าและแกว่งให้เขา
     "ดะ...เดี๋ยวสิ นายพาเรามาที่นี่ทำไม"
     ท่าทางเขาจะอ่านใจชั้นไม่ออกเสียแล้ว นี่ชั้นกำลังทำให้เขาสับสนเหรอ เอไอก็ยังคงเป็นเอไออยู่วันยังค่ำนั่นแหล่ะ พวกเขาต้องเรียนรู้อะไรอีกมากมาย
     อย่างเช่นตัวของดีพเอ็น สิ่งที่เขาต้องรู้ ไม่ใช่นอร์มอลที่เขาต้องเอามาจากชั้น ไม่ใช่การที่เขาต้องเป็นชั้น แต่สิ่งที่เขาต้องรู้คือ 'เพื่อน'
     บางทีนอร์มอลพวกนั้น คือเพื่อน ถ้าเป็นจริงทุกอย่างตามที่เขาพูด เขานั้นกำลังไม่รู้ตัวว่านอร์มอลที่เขาหา มันตรงข่ามกับที่เขาคิดเลย รวมทั้งเมื่อกี๊ที่ท่าทางเขาไม่เหมือนชั้น นั่นแปลว่าเขามีตัวตนของตัวเองอยู่ ตัวตนของชั้นที่เป็นแบบให้เป็นแค่พื้นฐานอารมณ์เท่านั้น
     "ชั้นว่าเรามาเล่นอะไรกันดีกว่านะ!"
     ชั้นแกว่งชิงช้าที่ดีพเอ็นด์นั่งอยู่ให้สูงขึ้นกว่าเดิม ดีพเอ็นด์ร้องตกใจ แต่ต่อมาเขากลับหัวเราะ ชั้นเห็นเขาแล้วชั้นก็พลอยอยากจะยิ้มไปด้วย
     เสียงหัวเราะของเขาเหมือนเด็กที่มีความสุข เป็นเสียงที่ไม่มีความเป็นเทพเจ้าเอาเสียเลย
     "นี่ๆ ชั้นว่านายลองมาที่ตรงนี้ดูสิ"ชั้นพาเขามาที่สไลเดอร์ ชั้นพาเขาลง เขาตื่นเต้นมาก
     เหมือนชั้นเป็นพี่เลี้ยงเด็กเลยแฮะ
     ชั้นพาเขาไปเล่น ซึ่งเขาก็ดีใจมาก จนกระทั่งท้องฟ้านั้นเริ่มเป็นสีส้ม
     "จริงสิ ทำไมนายถึงพาเราเล่นล่ะ"
     "นายจะได้ไม่เหงาไง"ชั้นตอบเขา"ที่ผ่านมา...นายคงจะเหงาน่าดูสินะ ห้าปีที่นายมีความรู้สึก มีความคิด แต่ทว่ากลับไม่มีเพื่อน..."
      "....ทำไม..."
      ชั้นฉุดตัวดีพเอ็นด์มากอด ชั้นพยายามกอดให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
     "นี่ นายไม่ลองคิดมุมกลับล่ะ ว่าถ้านอร์มอลที่นายหา มันไม่มีอยู่จริง ใช่อยู่ว่าชั้นเป็นคนที่เป็นต้นแบบนาย แต่นายน่ะก็ยังเป็นคนละคนกับชั้นนี่นา ฉะนั้นชั้นคงให้นอร์มอลนายไม่ได้หรอก เพราะชั้นคิดว่าชั้นเองก็ไม่มี"ชั้นบอกเขา"นายยังไม่มีเพื่อนไม่ใช่เหรอ ชั้นอยากเป็นเพื่อนกับนายนะ ไม่ใช่เพราะว่าสงสาร แต่เพราะว่าชั้นนั้นรู้สึกว่าชั้นอยากรู้จักนายให้มากกว่า ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนเทพเจ้าและพึ่งพาเขา ชั้นอยากเป็นเพื่อนกับชาวแคปปี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าชั้นตอนนี้ และพากันมีความสุข มีความทุกข์ด้วยกัน ถึงแม้ว่านายจะเป็นชั้นและชั้นจะเป็นนายในความคิดของนายก็เถอะ"
     ทันใดนั้น ชั้นรู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นๆไหลลงข้างตัวชั้น ดีพเอ็นด์กำลังร้องไห้ ตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เป็นเอไอที่มีน้ำตา มีทุกอย่างเหมือนเป็นชาวแคปปี้
     "ท..ทำไมน้ำตาถึงไหลล่ะ...."เขามองที่ชั้น"เราไม่เข้าใจ...."
     "นาย..อาจจะดีใจก็ได้มั๊งที่นายมีเพื่อนกับเขาแล้ว เป็นชั้น ชั้นก็ดีใจนะ"
     ดีพเอ็นด์พยายามกั้นมันเอาไว้ และทำทีเหมือนเป็นเทพเจ้าอีกครั้ง
     "นายน่ะ อยากร้องนายก็ร้องออกมาเถอะน่า กลั้นเอาไว้ทำตัวให้เหมือนเทพเจ้าน่ะ มันอึดอัดไม่ใช่เหรอ เมื่อกี๊นายก็หัวเราะเล่นสนุกเลยนี่ เพราะอย่างนี้แหล่ะ นายถึงไม่เข้าใจของคำว่านอร์มอล"
     ดีพเอ็นด์ถึงกับล้มลงทันที เขาเอามือมาปิดหน้าของเขาเอาไว้ แต่น้ำตากลับเยอะกว่าเดิม ถุงมือของเขาจึงเปียกชุ่ม ชั้นก้มลงและเอามือลูบหัวเขาเหมือนแม่ชั้นที่คอยเอาใจใส่ชั้นตลอดเวลา
     "นายน่ะ เป็นเอไอที่เก่งนะ เก็บความรู้สึกแท้จริง สิ่งที่เป็นความรู้สึกของตนเองที่แท้จริงไว้ใต้ส่วนที่เป็นชั้น แต่ว่าตอนนี้ นายปล่อยส่วนชั้นไปเถอะ เพราะว่านาย...เป็นตัวนายนี่นา"
     ดีพเอ็นด์คราวนี้ถึงขั้นกลั้นไม่อยู่ เขาปล่อยโฮออกมาทันที และเขาก็กอดชั้น
     "อา...อา เร...เราเข้าใ...เข้าใจแล้ว! เรานี่มัน! เรา! ฮึก ฮึก เรานี่มันไม่น่าจะเกิดมาเลย! สิ่งที่เราต้องการคือเพื่อน! เราไม่เคยมองถึงคำนี้เลย!"
     เขามองหน้าชั้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนไป จากว่างเปล่าตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นมีประกายแวววาว ชั้นจึงบอกเขาไปว่า
     "แต่ว่านะ....ชั้นตัดใจจบชีวิตตัวเองลงแล้ว นี่คงเป็นความฝันสินะ ยังไงก็เถอะ เป็นความฝันที่สมจริงดีนะ"
     "ชีวิตนาย...ยังไม่จบซักหน่อย"ดีพเอ็นด์พูดขึ้นมา"เรา..กำหนดเมื่อกี๊มาว่านายยังไม่ถึงเวลาตาย และนายจะไม่ความจำเสื่อมด้วย"
     "อ๊ะ...ทำไมล่ะ..."ชั้นมองเขา"นายปล่อยชั้นไปดีกว่า ชั้นไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ บนโลกนี้แล้ว"
     "แล้วนายไม่คิดถึงคนที่รอนายอยู่เหรอ?"ดีพเอ็นด์ถามชั้นคืน ชั้นนิ่งทันที "พวกเขารอนายอยู่นะ"
     รอชั้นเหรอ..?
     "พวกเขาอยากให้นายอยู่ข้างพวกเขา เป็นคนที่สามารถเปลี่ยนชะตาบางส่วนได้เหมือนพวกเขา วาพ์บสตาร์ยังมีความลับอีกมากนะ"ดีพเอ็นด์พูดกับชั้นต่อ
     ใช่แล้ว
     ชั้น..ลืมนึกถึงพวกเขาไปเลย
     ชั้นตัดปัญหาหนีมาคนเดียว เพราะว่าไม่อยากให้ชีวิตวุ่นวายมากกว่านี้
     ชั้นลืมพวกเขาที่ต้องรับผิดชอบต่อจากชั้นไปสนิท
     ชั้น...ชั้นต้องกลับไป
     "นายรีบกลับไปเถอะ เรายังมีเรื่องที่ต้องจัดการต่ออีกนะ....แล้วเจอกัน ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับชั้นนะ"
     เขายังคงมีน้ำตาไหล และโบกมือลาชั้น ในขณะที่สติของชั้นนั้นเหมือนจะหลุดไปอยู่อีกที่
     ..........
     "อือ..."
     "เคอร์บี้!!!"ดีดีดีเดินเข้า เขาจับมือเคอร์บี้ หลังจากดีพเอ็นด์นั้นปล่อยมือจากเคอร์บี้ และเขาก็หลับไป
     "เคอร์บี้! ชั้นเอง! ชั้นดีดีดีไง!"
     เคอร์บี้ค่อยๆลืมตาขึ้น มองหน้าของดีดีดี และเขาก็ยิ้ม
     "ว่า....ไง...."
     "เคอร์บี้!!!"ดีดีดีกอดเคอร์บี้ทันที แต่เคอร์บี้ถึงขั้นร้องโอ้ย ดีดีดีจึงถอยออกไป
     "ข..ขอโทษๆ แฮะๆ ดีใจไปหน่อย...ดีจังที่นายยังจำได้...."
     ดีดีดีน้ำตาไหล เขายิ้มไปพร้อม ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเข้ามาหาเขา เขาจำทุกคนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
     "ชั้นฝันแปลกๆด้วยล่ะ ชั้นฝันว่ามีเทพเจ้าที่ชื่อว่าดีพเอ็นด์บอกว่าเป็นเอไอมาหาชั้น จะเอาส่วนนอร์มอลไป ชั้นทำไงรู้มั๊ย ชั้นพาเขาไปเล่น เป็นเพื่อนกับเขาเพราะเขาเหงาที่ไม่มีเพื่อนเลย แล้วต่อมาน้ำตาของเขาก็ไหล แปลกมากตรงที่เขาบอกว่าเขาได้ต้นแบบจากชั้น"
     ทุกคนที่ยืนรอบเตียงเขาตกใจทันที
     "ใช่คนนี้รึเปล่า..."คิลเลอร์ชี้ไปที่ดีพเอ็นด์ที่นอนบนเก้าอี้ข้างๆเตียง เคอร์บี้ที่เห็นเขาก็ตกใจตามทันที
     "ใช่...ทำไมล่ะ"
     "เขาบอกว่าเขาจะมาเอานอร์มอลจากนาย...เขาได้ไปรึเปล่า"เมต้าไนท์พูดถามเคอร์บี้
     "กลับกันตังหาก ชั้นบอกว่าชั้นไม่มีนอร์มอลนั่นหรอก ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร แต่ว่าชั้นรู้ว่าเขาไม่มีเพื่อน เขาอยู่คนเดียวมาตลอด ความรู้สึกแท้จริงของเขาก็ต้องเก็บไว้ เพื่อให้เป็นเหมือนเทพเจ้า สิ่งที่เขาอยากแสดงออกก็ต้องปิดเอาไว้"
     "นายเลย..."นนท์พูดเสียงลาก
     "ชั้นเลยเป็นเพื่อนกับเขา คิดดูสิ เอไอที่มีจิตใจขนาดนี้ ชั้นล่ะอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น อยากรู้ว่าเอไอนี้เป็นยังไง"เคอร์บี้ตอบนนท์"ยังไงซะ ถ้าเขามีต้นแบบจากชั้น เขาก็คือชั้น ชั้นก็คือเขา แต่เขาเป็นตัวของชั้นที่ไม่ใช่ชั้นที่แท้จริง เขาคือตัวของชั้นที่มีลักษณะชั้นเป็นต้นแบบเพื่อพัฒนาความรู้สึกให้เป็นเอกลักษณ์ของเขาต่อไปไง"
     "เคอร์บี้...แค่สามเดือนเหมือนลูกโตขึ้นเยอะเลยนะ"แม่ของเคอร์บี้เอามือลูบหัวเขา"เอาความเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้มาจากไหนกันเนี่ย"
     "แม่..."
     ไม่นานนัก เสียงของดีพเอ็นด์ก็ดังขึ้น เขาเพิ่งตื่น ทำท่าบิดขี้เกียจเหมือนเด็กทั่วไป และเดินออกจากห้องโดยไม่บอกอะไร เคอร์บี้จึงรีบห้ามเขาไว้ด้วยเสียง
     "ด..ดีพเอ็นด์เดี๋ยวสิ!"
     ดีพเอ็นด์หันหน้ามา ดวงตาของเขายังคงมีคราบน้ำตาอยู่
     "นาย...จะไปไหน"
     "เราจะไปที่ที่เราควรจะไป"ดีพเอ็นด์ตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนใคร"ขอบคุณนะ แต่เราว่าเราจะ...อ๊ะ"
     อุ้มผลักเขาเข้าไปหาเคอร์บี้ เธอยิ้ม และพูดว่า
     "นายน่ะ อย่าลีลาเถอะ ขอบคุณเขาซะที่เขาเป็นเพื่อนให้ แล้วก็...ขอบคุณชั้นด้วยล่ะ"
     ดีพเอ็นด์น้ำตาไหลอีกครั้งหนึ่ง
     "เธอ..ยอมเป็นเพื่อนกับเราเหรอ..."
     "เอ้า! ทำไมล่ะ!"เธอสวนกลับไป"ชั้นว่าคนอื่นก็คงคิดเหมือนกัน ถ้านายอยากมีเพื่อนทำไมไม่บอกแต่แรกให้พวกเราเข้าใจผิดล่ะ"
     "นายทำชั้นแสบมากนะ เล่นเอาให้ลอยกันเลย"ดีดีดีเดินเข้าไปทางเขา
     ดีพเอ็นด์ทำท่าเหมือนลุกลี้ลุกลน เขาอยากจะขอโทษ
     "ข...ขอโทษนะ!"เขาก้มหน้าลง"เรา...เราแค่...."
     "เอาน่าๆ ชั้นก็ใช่ว่าจะโกธรนายขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าทำอีกละก็ ชั้นไม่นับนายเป็นเพื่อนหรอกนะ! ชั้นดีดีดี!"
     ดีดีดียื่นมือเข้ามา ดีพเอ็นด์มองมือนั้นและจับ เขาเอามืออีกข้างปาดน้ำตา
     "ผมเองก็เหมือนกัน แต่ถ้าดีพเอ็นด์ยังจะทำอะไรเพื่อนคนนี้ของผมนะ ผมจะ...."บานดาน่าลดเสียงลง
     "พวกเราไม่ค่อยอะไรมากหรอก เพราะเมื่อก่อนพวกเราก็เหมือนนาย"คิลเลอร์พูด
     "พวกเรามีเพื่อนเยอะขนาดนี้ได้เพราะเคอร์บี้นะ ตอนนี้ก็มีเพิ่มอีกคนแล้ว"เมต้าไนท์พูดต่อ
     ทุกคนไม่พูดอะไรต่อ ดีพเอ็นด์ที่ยืนอยู่จึงพูดขึ้นมา
     "....บ้าจริง เรามีเพื่อนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?"
     "นี่.."เคอร์บี้ยื่นมือมาจับมือของดีพเอ็นด์"ชั้นน่ะ...อยากเป็นเพื่อนกับทุกคนบนโลกนี้ นายก็เหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ"
     หลังสิ้นคำนั้น ดีพเอ็นด์ก็พูดคำว่าขอบคุณไม่รู้ว่ากี่ครั้ง กี่รอบ และเขาบอกว่า เขาจะไปกับพวกตำรวจสากล เขาจะพยายามไม่ใช้ความสามารถของชิพดีพเอ็นด์รุ่นก่อนมาใช้ เมื่อเขาปรับตัวให้คุ้นได้มากกว่านี้ เขาจะได้ออกมาใช้ชีวิตเหมือนชาวแคปปี้ทั่วไป เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ถอดหูฟังออก ใส่กระเป๋าสะพายและเดินจากไป เขาเดินไปด้วยรอยยิ้มที่ลึกลับแต่กลับดูเหมือนเต็มไปด้วยความสุขอย่างชัดเจน
     ..........
     'เรื่องเคอร์บี้ที่เป็นคนที่สามารถล้างบาปได้ เรายังไม่รู้ว่าเพราะอะไร'
     'ไม่ใช่เพราะเรา แต่เป็นเพราะอะไร?'
     'นี่เป็นเรื่องเดียวที่เราไม่รู้...เพราะอะไรนะ?'
    
    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น